สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากเมืองโฮจิมินห์ ประเทศเวียดนาม เมื่อวันที่ 8 ก.ค.ว่านายเหวียน แถ่ง ฟง ประธานคณะกรรมการประชาชนเมืองโฮจิมินห์ ซึ่งเป็นเมืองใหญ่ที่สุดของเวียดนาม แถลงเมื่อคืนวันพุธ ว่าภายหลังหารือกับคณะกรรมาธิการด้านการป้องกันและควบคุมโรคโควิด-19 ในกรุงฮานอย ทุกฝ่ายมีมติเห็นพ้องกัน ว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในเมืองโฮจิมินห์ "เลวร้ายลงทุกขณะ" เนื่องจากมีการแพร่ระบาดของเชื้อเดลตาในชุมชน 
ทั้งนี้ เมืองโฮจิมินห์อยู่ภายใต้มาตรการควบคุมทางสังคมอย่างเข้มงวด ตั้งแต่วันที่ 31 พ.ค.ที่ผ่านมา แต่สถานการณ์ยังไม่มีแนวโน้มดีขึ้น ด้วยเหตุนี้ ภาครัฐจึงมีมติให้ยกระดับมาตรการทางสังคมในเมืองโฮจิมินห์เป็นการล็อกดาวน์อย่างน้อย 14 วัน มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 9 ก.ค.นี้เป็นต้นไป โดยแนวทางปฏิบัติที่สำคัญรวมถึง การอยู่บ้านให้มากที่สุด การสัญจรตามท้องถนนต้องมีหลักฐานยืนยันต่อเจ้าพนักงานว่า เป็นไปด้วยเหตุผลจำเป็น เช่น การไปซื้ออาหาร ของใช้จำเป็น และการไปพบแพทย์ การห้ามรวมตัวเกิน 2 คน การรักษาระยะห่างเกิน 2 เมตร และระบบขนส่งสาธารณะงดให้บริการระหว่างเมือง
ด้านกระทรวงสาธารณสุขของเวียดนามยืนยันผู้ป่วยโรคโควิด-19 เพิ่มขึ้น 1,007 คน เมื่อวันพุธ จากจำนวนดังกล่าว 997 คนเป็นการติดเชื้อภายในประเทศ พบมากที่สุดในเมืองโฮจิมินห์ 766 คน และทำให้เวียดนามมีสถิติผู้ป่วยสะสมเพิ่มเป็นอย่างน้อย 23,071 คน ยังเหลือผู้ป่วยต้องรักษาตัวอีกอย่างน้อย 14,412 คน และเสียชีวิตสะสมอย่างน้อย 102 ราย เพิ่มขึ้น 5 ราย.

เครดิตภาพ : GETTY IMAGES