สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากเมืองโฮจิมินห์ ประเทศเวียดนาม เมื่อวันที่ 8 ก.ค.ว่านายเหวียน แถ่ง ฟง ประธานคณะกรรมการประชาชนเมืองโฮจิมินห์ ซึ่งเป็นเมืองใหญ่ที่สุดของเวียดนาม แถลงเมื่อคืนวันพุธ ว่าภายหลังหารือกับคณะกรรมาธิการด้านการป้องกันและควบคุมโรคโควิด-19 ในกรุงฮานอย ทุกฝ่ายมีมติเห็นพ้องกัน ว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในเมืองโฮจิมินห์ "เลวร้ายลงทุกขณะ" เนื่องจากมีการแพร่ระบาดของเชื้อเดลตาในชุมชน
BREAKING: HCM City authorities said the southern city will go into lockdown under Government Directive 16 for 15 days starting July 9, during the meeting with National Committee for COVID-19 Prevention and Control. More details to follow.
— Việt Nam News (@VietnamNewsVNS) July 7, 2021
HCM City told to prepare for strictest movement restrictions to curb COVID-19 spread: PMhttps://t.co/HYpZa6hwxH pic.twitter.com/HYufxcUtSp
— Việt Nam News (@VietnamNewsVNS) July 7, 2021
ทั้งนี้ เมืองโฮจิมินห์อยู่ภายใต้มาตรการควบคุมทางสังคมอย่างเข้มงวด ตั้งแต่วันที่ 31 พ.ค.ที่ผ่านมา แต่สถานการณ์ยังไม่มีแนวโน้มดีขึ้น ด้วยเหตุนี้ ภาครัฐจึงมีมติให้ยกระดับมาตรการทางสังคมในเมืองโฮจิมินห์เป็นการล็อกดาวน์อย่างน้อย 14 วัน มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 9 ก.ค.นี้เป็นต้นไป โดยแนวทางปฏิบัติที่สำคัญรวมถึง การอยู่บ้านให้มากที่สุด การสัญจรตามท้องถนนต้องมีหลักฐานยืนยันต่อเจ้าพนักงานว่า เป็นไปด้วยเหตุผลจำเป็น เช่น การไปซื้ออาหาร ของใช้จำเป็น และการไปพบแพทย์ การห้ามรวมตัวเกิน 2 คน การรักษาระยะห่างเกิน 2 เมตร และระบบขนส่งสาธารณะงดให้บริการระหว่างเมือง
321 cases recorded domestically in Ho Chi Minh City (149), Binh Duong (60), Khanh Hoa (41), Vinh Long (24), Tien Giang (18 ), Phu Yen (8 ), Vinh Phuc (5), Hung Yen (5), Dong Thap (5), Hanoi (3), Bac Giang (2), Thanh Hoa (1). pic.twitter.com/wsSUG8vt0c
— Việt Nam News (@VietnamNewsVNS) July 7, 2021
ด้านกระทรวงสาธารณสุขของเวียดนามยืนยันผู้ป่วยโรคโควิด-19 เพิ่มขึ้น 1,007 คน เมื่อวันพุธ จากจำนวนดังกล่าว 997 คนเป็นการติดเชื้อภายในประเทศ พบมากที่สุดในเมืองโฮจิมินห์ 766 คน และทำให้เวียดนามมีสถิติผู้ป่วยสะสมเพิ่มเป็นอย่างน้อย 23,071 คน ยังเหลือผู้ป่วยต้องรักษาตัวอีกอย่างน้อย 14,412 คน และเสียชีวิตสะสมอย่างน้อย 102 ราย เพิ่มขึ้น 5 ราย.
เครดิตภาพ : GETTY IMAGES