เมื่อวันที่ 29 ก.ย. พ.อ.สุชาติ จันทรโชติกุล อดีตประธานยุทธศาสตร์ภาคใต้ พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) และผู้ร่วมก่อตั้งพรรคพปชร.กล่าวถึง การไปร่วมงานในพรรคใหม่ กับนายฉัตรชัย พรหมเลิศ ปลัดกระทรวงมหาดไทย หรือ “ปลัดฉิ่ง” หลังเกษียณอายุราชการในวันที่ 30 ก.ย.นี้ ว่า ตนเป็นผู้ร่วมก่อตั้งพรรค พปชร.คนสุดท้าย ที่ประกาศชัดเจนแบบลูกทุ่ง ว่าจะไม่อยู่กับพรรค พปชร. และได้พูดคุยกับผู้บริหารการเลือกตั้งปี 2562 ในส่วนของภาคใต้ ในเรื่องนี้ เบื้องต้นประมาณ 9 คน ที่จะไปร่วมงานด้วยกันกับพรรคใหม่ อาทิ นายทวี สุระบาล อดีต ส.ส.ตรัง อดีตนายก อบจ.พัทลุง ส่วนบางคนเป็น ส.ว.และมีตำแหน่งทางการเมือง ยังไม่ขอเปิดเผย โดยพรรคใหม่ที่จะไปสังกัดอยู่นั้นก็เป็นไปตามที่มีข่าวที่มีนายฉัตรชัย เป็นผู้ดำเนินการด้านธุรการให้เกิดขึ้น หากขั้นตอนต่างไปแล้วเสร็จก็จะพูดคุยเพื่อเข้าไปร่วมงานด้วย และเชื่อว่าผู้ก่อตั้งพรรคใหม่จะรอบคอบในการบริหารจัดการ เพื่อนำไปสู่การเลือกตั้งที่มีประสิทธิภาพสูงสุด ทั้งนี้คาดว่าจะมีความชัดเจนภายในเดือน ต.ค.นี้ ส่วนชื่อพรรคใหม่นั้นเบื้องต้นคือ “พรรคเศรษฐกิจไทย” แต่ยังไม่ทราบชัดเจนว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงหรือไม่

ผู้สื่อข่าวถามว่า ได้พูดคุย กับส.ส.ภาคใต้ พรรค พปชร. เพื่อชักชวนไปร่วมงานกับพรรคใหม่บ้างหรือไม่ พ.อ.สุชาติ กล่าวว่า คงไม่ไปชวน ถ้าจะมาอยู่ด้วยกันก็โอเค เราต้องเปิดโอกาสให้ทุกคนได้มีทางเลือกว่าจะมาอยู่กับเราไหม เพื่อร่วมกันขับเคลื่อนงานโดยเฉพาะในพื้นที่ภาคใต้ แต่ถ้าไม่มาก็ไม่ว่ากัน ที่ผ่านมา ส.ส.พปชร.สามารถเอาชนะในพื้นที่ภาคใต้ได้ถึง 13 คน มาจาก 2 สาเหตุ คือ 1.กระแสของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม และ 2.เกิดจากการบริหารจัดการเลือกตั้ง ที่ดูกระแสความต้องการในพื้นที่ให้สอดคล้องกับความต้องการของประชาชน ดังนั้นขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของแต่ละคน

เมื่อถามว่า ได้พูดคุยกับนายกรัฐมนตรีในฐานะเพื่อนหรือไม่ พ.อ.สุชาติ กล่าวว่า เคยคุยกันเมื่อตอนต้นปีที่ผ่านมา โดยตนระบุว่าจะไม่ขออยู่กับ พปชร.แล้ว และได้รับคำตอบกลับมาว่าถ้าไม่อยู่ ก็หาพรรคใหม่สังกัด ซึ่งเป็นการพูดคุยกันตามปกติด้วยความเข้าใจ และการจะไปอยู่พรรคใหม่ ตนไม่ได้คุยกับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ในฐานะกับหัวหน้าพรรค พปชร. ไม่ได้คุยกันมานานแล้ว

เมื่อถามว่า การไปตั้งพรรคใหม่ ถูกมองว่าเป็นการแยกเพื่อถ่วงดุลของ พปชร.ที่ขณะนี้นักการเมืองเข้ามามีบทบาทค่อนข้างมาก พ.อ.สุชาติ กล่าวว่า ยอมรับว่า พปชร.มีทั้งคนชอบและไม่ชอบ คนที่ชอบก็อยู่ไป และพรรคใหม่ที่ไป ไม่ใช่เป็นพรรคสำรองอย่างที่มีข้อสังเกต ถ้าจะดูให้ดี หากมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญโดยใช้บัตรเลือกตั้ง 2 ใบ การจะไปเป็นพรรคสำรองให้ใครคงทำไม่ได้ เพราะถ้าตั้งเป็นพรรคขนาดเล็กก็ตาย ถ้าเป็นพรรคขนาดกลาง ก็ลุ้นได้ ส.ส.ห้าสิบห้าสิบ ดังนั้นพรรคที่ตั้งขึ้นใหม่ จะต้องเป็นพรรคขนาดใหญ่สถานเดียว โดยที่คนเป็นหัวหน้าพรรค และผู้บริหารของพรรคจะต้องขายได้ เป็นที่ยอมรับ เพราะถ้าชาวบ้านไม่เชื่อถือก็จบเหมือนกัน และจะมีผลถึง ส.ส.และสมาชิกของพรรคนั้น.