กรมส่งเสริมการเกษตร ออกเตือนเกษตรกรผู้ปลูกปาล์มน้ำมัน และมะพร้าว โดยเฉพาะในเขตพื้นที่ภาคใต้ของประเทศไทย ด้วยสภาพอากาศในช่วงเวลานี้ เหมาะสมต่อการเติบโตและแพร่ระบาดของหนอนปลอกเล็ก จึงขอให้เกษตรกรหมั่นสำรวจสวนอย่างสม่ำเสมอ หากพบการเข้าทำลาย ให้ดำเนินการควบคุมและป้องกันกำจัดทันที หรือขอคำแนะนำในการป้องกันกำจัดได้ที่เจ้าหน้าที่สำนักงานเกษตรอำเภอ หรือสำนักงานเกษตรจังหวัดใกล้บ้าน

หนอนปลอกเล็ก ตัวเต็มวัยเป็นผีเสื้อกลางคืน ระยะหนอนเป็นระยะที่ทำให้เกิดความเสียหาย โดยหนอนจะแทะผิวใบ ทำให้ใบแห้งเป็นสีน้ำตาล และกัดทะลุใบเป็นรูและขาดแหว่ง ถ้ารุนแรงจะเห็นทางใบทั้งต้นเป็นสีน้ำตาลแห้งคล้ายใบไหม้ ทำให้ต้นชะงักการเจริญเติบโต ผลผลิตลดลง เมื่อเริ่มแทะใบจะนำใยที่ขับออกมาจากปาก นำมาสร้างปลอกห่อหุ้มตัวเอง ปล่อยให้มีช่องเปิดปลายปลอกทั้ง 2 ทาง สำหรับช่องเปิดด้านบนสำหรับโผล่หัวออกมาแทะกินใบพืช ส่วนช่องเปิดด้านล่างสำหรับเป็นช่องขับถ่าย ระยะหนอนใช้เวลาประมาณ 92-124 วัน และการแพร่กระจายโดยสาวใยห้อยตัวลงมาแกว่งปลิวไปตามลม จึงทำให้กระจายไปยังพื้นที่รอบข้างได้อย่างรวดเร็ว

การหมั่นสำรวจสวนปาล์มน้ำมันและมะพร้าวอย่างสม่ำเสมอ จะช่วยให้เกษตรกรป้องกันการเข้าทำลายของหนอนปลอกเล็กได้ และไม่เป็นต้นเหตุของการแพร่ระบาดไปยังพื้นที่ข้างเคียง ทั้งนี้ หากเกษตรกรเริ่มพบการทำลายเล็กน้อย ให้ตัดทางใบที่หนอนกำลังกินมาเผาทำลาย หากอยู่ในพื้นที่การระบาดของด้วงงวงหรือด้วงสาคูไม่ควรตัดทางใบ เพราะรอยแผลจะเป็นช่องทางเข้าทำลายของด้วงงวง ให้พ่นเชื้อบีที (Bacillus thuringiensis) ทันที อัตรา 100 มิลลิลิตรต่อน้ำ 20 ลิตร ผสมสารจับใบ 5 มิลลิลิตร พ่นให้ทั่วบริเวณใต้ใบและต้องพ่นในช่วงเช้าหรือเย็น เพื่อหลีกเลี่ยงแสงยูวีที่จะทำลายเชื้อบีที โดยใช้เครื่องพ่นที่ปรับความดันได้ไม่น้อยกว่า 30 บาร์ และพ่นติดต่อกันไม่น้อยกว่า 3 ครั้ง ห่างกัน 5-7 วัน

ส่วนกรณีที่พบการระบาดรุนแรง กรมส่งเสริมการเกษตรขอแนะนำให้ใช้วิธีพ่นสารเคมีทางใบ 1-2 ครั้งห่างกัน 15 วัน โดยเลือกใช้สารชนิดใดชนิดหนึ่ง ตามคำแนะนำของกรมวิชาการเกษตร คือ ฟลูเบนไดเอไมด์ 20% WG อัตรา 5 กรัม หรือ คลอแรนทรานิลิโพรล 5.17% SC อัตรา 20 มิลลิลิตร หรือลูเฟนนูรอน 5% EC อัตรา 20 มิลลิลิตร (ควรระมัดระวังการใช้สารลูเฟนนูรอน ในบริเวณใกล้แหล่งน้ำหรือบริเวณเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ เนื่องจากมีพิษสูงต่อกุ้ง) แล้วนำมาผสมกับน้ำ 20 ลิตร และเมื่อเกษตรกรจะทำการฉีดพ่น ควรปฏิบัติตามคำแนะนำการใช้สารเคมีอย่างเคร่งครัด และต้องสวมชุดและอุปกรณ์ป้องกันตัวองเพื่อป้องกันอันตรายด้วย