สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากเขตบริหารพิเศษฮ่องกง ประเทศจีน เมื่อวันที่ 20 มี.ค. ว่าสภานิติบัญญัติฮ่องกงมีมติเป็นเอกฉันท์ รับรองกฎหมาย “พิทักษ์ความมั่นคงแห่งชาติ” จำแนกฐานความผิดออกเป็น 5 ประการ ได้แก่ การก่อกบฏ การปลุกระดม การจารกรรมและการขโมยข้อมูลรัฐ การก่อวินาศกรรรมเพื่อทำลายความมั่นคง และการแทรกแซงจากภายนอก
ทั้งนี้ กฎหมายกำหนดบทลงโทษสูงสุด จำคุกตลอดชีวิตสำหรับ “การก่อวินาศกรรมที่ส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของชาติ” ซึ่งรวมถึง การก่อกบฏและการปลุกระดม บทลงโทษจำคุกนานสูงสุด 20 ปี สำหรับการจารกรรม และบทลงโทษจำคุกนานสูงสุด 14 ปี เกี่ยวกับการแทรกแซงจากภายนอก
???????? The fast-track adoption of a national security law in #HongKong is “a regressive step” for human rights, @UNHumanRights Chief @volker_turk said on Tuesday.
— FRANCE 24 English (@France24_en) March 19, 2024
The law introduces five additional categories of crimes, described as "treason" ???? pic.twitter.com/2WceLR52Hs
ขณะเดียวกัน กฎหมายความมั่นคงฉบับใหม่ของฮ่องกง ยังระบุเกี่ยวกับการปรับปรุงเนื้อหาบางส่วน ของกฎหมายต่อต้านการปลุกระดม ซึ่งบัญญัติในสมัยฮ่องกงเป็นส่วนหนึ่งของอาณานิคมจักรวรรดิบริติช โดยกำหนดให้การห้ามปลุกปั่นยุยงให้เกิดความเกลียดชังต่อพรรคคอมมิวนิสต์จีน และระบบสังคมนิยมของจีน เป็นความผิด และมีบทลงโทษจำคุกเป็นเวลานานสูงสุด 10 ปี
นอกจากนี้ กฎหมายยังระบุด้วยว่า การกระทำผิดกฎหมายความมั่นคงของฮ่องกง แม้เกิดขึ้นนอกแผ่นดินฮ่องกง แต่ถือว่า อำนาจของเจ้าพนักงานบังคับใช้กฎหมายและอำนาจศาล สามารถครอบคลุมถึงด้วย
อนึ่งนายจอห์น ลี หัวหน้าคณะผู้บริหารฮ่องกง กล่าวว่า การเสนอร่างกฎหมายความมั่นคงฉบับใหม่ เป็นการอาศัยอำนาจตามความในมาตรา 23 ของเบสิก ลอว์ หรือกฎหมายพื้นฐานของฮ่องกง ที่ระบุว่า ฮ่องกงควรบัญญัติกฎหมายเป็นของตัวเอง เพื่อยับยั้งการกระทำการใดก็ตาม ที่เป็นการทรยศ การแยกตัว การยุยงปลุกปั่น และการโค่นล้มรัฐบาลปักกิ่ง
สำหรับกฎหมายความมั่นคงแห่งชาติฉบับใหม่ของฮ่องกง จะใช้แทนกฎหมายเดิม ที่บัญญัติโดยสภาประชาชนแห่งชาติ (เอ็นพีซี) ในกรุงปักกิ่งของจีน เมื่อกลางปี 2563 เพื่อยุติการประท้วงที่ยืดเยื้อ 1 ปีก่อนหน้านั้น ส่งผลให้มีการดำเนินคดีและจำคุกนักเคลื่อนไหวจำนวนมาก และหลายคนหลบหนีออกไปลี้ภัยในต่างประเทศ.
เครดิตภาพ : AFP