เมื่อวันที่ 8 ก.ค. “หมอเจี๊ยบ-ลลนา ก้องธรนินทร์” ได้ออกมาเล่าประสบการณ์จากการเป็นแพทย์หน้าด่าน ที่ต้องดูแลคนไข้ในสถานการณ์โควิด-19 ที่มีผู้ติดเชื้อจำนวนมาก โดยหมอเจี๊ยบ ระบุว่า.. “วันนี้เจี๊ยบขอมาเล่าประสบการณ์ด่านหน้าให้ฟังกันนะคะ” ในฐานะหมอในห้องฉุกเฉิน เจี๊ยบคลุกคลีกับเคสผู้ป่วยโควิดมาตลอดซึ่งสถานการณ์ในตอนนี้ต้อง
ยอมรับว่ามันทั้งแย่และหนักมากกว่าการระบาดครั้งก่อนๆเป็นพันเท่าเลยค่ะ

อย่างที่ทราบกันว่าคนไข้โควิดที่อาการหนักแต่ไม่มีเตียงต้องนอนรอเตียงกองกันอยู่ล้นหน้าห้องฉุกเฉิน แต่อย่าลืมว่า ที่โรงพยาบาลไม่ได้มีเฉพาะเคสโควิดอย่างเดียว ยังมีทั้งอุบัติเหตุและคนเจ็บป่วยหนักที่อันตรายถึงชีวิตที่ต้องเข้ารับการรักษา

ไม่กี่วันมานี้มีคนไข้อาเจียนพุ่งเป็นเลือด หัวใจหยุดเต้น การที่หมอจะกระโดดเข้าไปช่วยชีวิตปั๊มหัวใจทันทีเหมือนเมื่อก่อนก็ไม่สามารถทำได้ ต้องไปใส่ชุดPPE ก่อน และยังมีรายละเอียดในขั้นตอนการรักษาอื่นๆอีกหลายอย่างมากขึ้น คนทำงานก็กดดันด้วยเวลา
ที่ต้องเร่งรีบและด้วยปริมาณเคส บางครั้งผู้ป่วยและญาติไม่เข้าใจคิดว่ามัวทำอะไรอยู่ ทำไมไม่รีบมารักษา แต่ขณะนั้นพวกเราทุกคนกำลังเตรียมความพร้อมป้องกันเพื่อเข้าไปช่วยชีวิตผู้ป่วยอย่างปลอดภัย ล่าสุดเพื่อนร่วมงานเจี๊ยบน้องพยาบาลเป็นลมในชุดPPE ระหว่างกำลังทำงาน

ห้องแยกโรคป้องกันการแพร่เชื้อ (ห้องความดันลบ) ที่ใช้สำหรับเคสผู้ป่วยโควิดมีจำกัด ไม่พอกับจำนวนผู้ป่วย จนคนไข้โควิดต้องออกมานอนรักษาอยู่ด้านนอก ทำได้เพียงเว้นระยะห่าง(ที่ไม่ห่าง)ระหว่างเตียง ผู้ป่วยใกล้เคียงรวมถึงเจ้าหน้าที่ก็ต้องเสี่ยงติดเชื้อไปตามกัน เพราะห้องแยกโรคเต็มหมด และเป็นเรื่องที่น่าเศร้ามากค่ะ เจี๊ยบเจอเคสที่คนไข้อายุมากกว่าเจี๊ยบแค่ปีเดียวไม่มีโรคประจำตัวอื่นใดๆ แต่ก็เป็นหนักจนเสียชีวิตลำพังบนเตียง ไม่มีโอกาสได้ร่ำลาใคร ญาติพี่น้องไม่สามารถเข้ามาพบได้ ลองนึกดูว่าถ้าเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นกับครอบครัวหรือคนใกล้ตัวของตัวเองจะทรมานใจขนาดไหน

เคสโควิดที่ปวยหนักจนจำเป็นต้องใส่ท่อช่วยหายใจก็เกิดขึ้นทุกวัน ตั้งแต่ทำงานใส่ท่อช่วยหายใจให้คนไข่โควิดมายังไม่มีเคสไหนเลยที่รอด ทุกครั้งที่จะต้องใส่ท่อช่วยหายใจให้ผู้ป่วยเจี๊ยบรู้สึกเศร้ามากเพราะตัวหมอเองยังไม่รู้เลยว่าคนไข้จะมีโอกาสได้กลับบ้านไหม ที่ทำได้ดีที่สุดในตอนนั้นคือจับมือและบอกว่าคนไข้ว่า “เดี๋ยวหมอจะใส่ท่อช่วยหายใจให้ตอนตื่นมาจะมีท่ออยู่ในปากนะ” มีเคสนึง คนไข้เป็นคนขับรถแท็กซี่ คุณลุงเล่าว่า ผู้โดยสารให้ไปส่งที่รพ. ระหว่างทางก็ถามผู้โดยสารว่าไปส่งที่โรงพยาบาลเป็นอะไร เป็นโควิดหรือเปล่า? ผู้โดยสารเลี่ยงไม่ตอบ คนขับก็ไม่กล้าให้ลงจากรถเห็นผู้โดยสารขึ้นมานั่งแล้วจึงไปส่งให้ถึงที่หมาย หลังซักประวัติเสร็จไม่นานคุณลุงก็อาการหนัก จนต้องใส่ท่อช่วยหายใจ เป็นอีกเคสที่จากไป เจี๊ยบไหว้พระขออธิษฐานให้คุณลุงสงบสุขอยู่บนสวรรค์นะคะ

“สถานการณ์ในตอนนี้หนักมาก บางเคสที่เจออายุไม่เยอะ ไม่มีโรคประจำตัวมาก่อนก็อาจมีโอกาสอาการหนักได้ ความเสี่ยงมีอยู่ทุกที่ เจี๊ยบขอเป็นหนึ่งเสียงในฐานะแพทย์และประชาชนคนหนึ่ง ขอวัคซีนที่มีประสิทธิภาพและทั่วถึงให้ประชาชนทุกคนอย่างเร็ว ที่สุดเถอะนะคะ เพราะแต่ละวินาทีที่ชัาไปคือชีวิต หมอทุกคนอยากเห็นคนไข้ได้กลับบ้านไปหาคนที่เค้ารัก”

ขอบคุณภาพและข้อมูลจาก @jeab_lalana