น.ส.ศรินทร์รา วงศ์ศุภลักษณ์ หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านทรัพยากรบุคคล บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ทรูตั้งเป้าหมายก้าวเป็น Telco-Tech Company อันดับ 1 ของไทย ด้วยการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัล (Digital Transformation) นำเทคโนโลยี ทั้งระบบคลาวด์ และ ปัญญาประดิษฐ์ (เอไอ) เข้ามาช่วยยกระดับการทำงาน การบริการลูกค้า ซึ่งจะช่วยลดความซ้ำซ้อนของงาน และบริการลูกค้าได้รับความสะดวกรวดเร็วมากขึ้น นอกจากนี้ในด้านบุคลากร ก็ถือว่ามีส่วนสำคัญที่สุด ที่จะพาองค์กรให้ก้าวไปสู่บริษัท Telco-Tech ชั้นนำแห่งภูมิภาค รวมถึงเป็นบริษัทที่น่าทำงานมากที่สุดในเอเชีย

“หลังเกิดการแพร่ระบาดของโควิด ทำให้การทำงานเปลี่ยนแปลงไป คนรุ่นใหม่อยากเวิร์ก ฟรอม โฮม ทำอย่างไรให้ประสานการทำงานระหว่างคนทุกเจนฯ ทั้งคนรุ่นใหม่และรุ่นเก่าเข้าด้วยกันได้ การนำระบบออโตโมชั่นมาใช้ ถือเป็นเรื่องที่ท้าทาย โดยส่วนตัวมองว่างานไม่ได้หายไปไหน แต่เป็นการจัดคนให้ตรงกับงาน เน้นการเพิ่มขีดความสามารถด้านดิจิทัลของบุคลากรในองค์กรให้สามารถใช้เทคโนโลยีล้ำสมัยให้เกิดประโยชน์สูงสุด รวมถึงการรับคนรุ่นใหม่เข้ามา ต้องมีส่วนช่วยสร้างงานใหม่ๆ ที่เอื้อกับธุรกิจใหม่ๆ ได้”

น.ส.ศรินทร์รา กล่าวต่อว่า การมุ่งสู่การเป็นองค์กรที่มีความเป็นเลิศ ทาง ทรู ได้กำหนดยุทธศาสตร์เชิงทรัพยากรบุคคลเพื่อก้าวสู่เป้าหมาย ไว้ 3 ข้อ คือ 1. สร้าง Digital Workforce หรือ การนำเครื่องมือดิจิทัลมาใช้งานเพื่อลดข้อจำกัดและช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานนั้น บริษัทได้ตั้งเป้าหมายเปลี่ยนการทำงานประจำให้เป็นในรูปแบบอัตโนมัติ 100% ภายในปี 70 รวมถึงการให้บริการในช็อป และการขายทั้งหมด นอกจากนี้ในปี 67 นี้ จะสร้างผู้เชี่ยวชาญด้านดิจิทัล 2,400 คน โดยได้รับการฝึกอบรมสำคัญๆ เกี่ยวกับด้านดิจิทัล ส่วนในปี 69 ตั้งเป้าหมายเพิ่มอีก 5,000 คน ที่มีทักษะตั้งแต่การวิเคราะห์ข้อมูลและนวัตกรรมทางธุรกิจ ไปจนถึงการตลาดดิจิทัลและระบบอัตโนมัติ

ศรินทร์รา วงศ์ศุภลักษณ์

“ที่ผ่านมา หลังควบรวม ทรู กับ ดีแทค ได้มีการอบรมเพิ่มทักษะให้กับผู้บริหารระดับสูง ทั้ง 70 คน โดยสถาบันจาก สแตนฟอร์ด เพื่อให้ผู้บริหารระดับสูง มีทักษะด้านดิจิทัล ที่พร้อมรับการก้าวสู Telco-Tech Company ขณะที่พนักงานในระดับรองก็มีคอร์สให้อัพสคิล-รีสคิล ได้อย่างต่อเนื่อง เพื่อต้องการมีผู้นำรุ่นใหม่ ที่สามารถทำงานกับผู้บริหารรุ่นเก่าได้ และพร้อมที่จะเติบโตเป็นผู้นำองค์กรในอนาคต”

2. เป็นองค์กรที่มีประสิทธิภาพสูง (High-Performance Organization) สามารถบรรลุเป้าหมายได้อย่างสม่ำเสมอ มีประสิทธิภาพในการทำงานสูง สามารถสร้างความพึงพอใจให้กับ stakeholders ทั้งหมด มีวัฒนธรรมองค์กร 4C (Compassion, Credibility, Co-Creation, Courage) ที่แข็งแกร่ง มีการจัดการที่ดี มีการใช้เทคโนโลยีอย่างมีประสิทธิภาพ และมีบุคลากรที่มีความสามารถ

3. สร้างผู้นำรุ่นใหม่ (Build the next generation leader) ทรูวางแผนสร้างบุคลากรรุ่นใหม่ภายใต้โปรแกรม True Next Gen ขึ้นมาอย่างต่อเนื่องเป็นเวลา 13 ปี เราได้สร้างคนรุ่นใหม่ที่มีศักยภาพเข้าสู่ตลาดงาน รวมทั้งหมด 653 คน และกำลังเปิดรับสมัครรุ่นใหม่ปี 67 จนถึงสิ้นเดือนมีนาคมนี้

น.ส.ศรินทร์รา กล่าวอีกว่า การทำโครงการ True Next Gen เป็นโปรแกรมสร้างผู้นำรุ่นใหม่ ที่จะมาช่วยเร่งขับเคลื่อนการเข้าสู่เส้นทางในการทรานสฟอร์มทรูให้เป็นบริษัทเทคโนโลยีโทรคมนาคมที่มีความสามารถ ซึ่งทรูเชื่อว่าคนรุ่นใหม่จะเข้ามาสร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับองค์กร 3 ด้าน คือ

•Diversity ทรูตระหนักถึงคุณค่าของมุมมองที่หลากหลายในการขับเคลื่อนนวัตกรรมและความสำเร็จในองค์กร คนรุ่นใหม่จะเข้ามาเพิ่มมุมมอง ความคิดสร้างสรรค์ เพิ่มพูนทักษะดิจิทัล ทั้งทักษะด้าน Hard Skills การวิเคราะห์ข้อมูลและทักษะด้าน Soft Skills การคิดเชิงวิเคราะห์ (Analytic thinking) เปลี่ยนข้อมูลให้เป็นโอกาสทางธุรกิจ

•Fresh Perspective ความแตกต่างของเจนเนอเรชั่น จะสร้างสรรค์ไอเดียใหม่ๆ จากประสบการณ์ความรู้ความเชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมของรุ่นพี่ ผนวกพนักงานอายุน้อยกว่าแบ่งปันความคล่องแคล่วทางดิจิทัล สามารถส่งเสริมสภาพแวดล้อมการเรียนรู้ที่มีชีวิตชีวา

•Customer Centric เพิ่มการเข้าถึงลูกค้า ด้วยแนวคิดของทรูที่ยึดลูกค้าเป็นศูนย์กลาง คนรุ่นใหม่จะมีแนวคิดและมุมมองในการใช้งานดิจิทัล ที่ใกล้เคียงและเข้าใจความต้องการลูกค้าในปัจจุบันได้ดียิ่งขึ้น

ทั้งนี้โปรแกรม True Next Gen True Next Gen ได้รับการออกแบบเพื่อยกระดับเส้นทางอาชีพผ่านประสบการณ์ตรง และการมอบหมายงานจริง เพื่อเตรียมพร้อมสู่การเป็น “ผู้นำแห่งอนาคต” โดยแบ่งออกเป็น 2 แทรค ตามคุณสมบัติที่ต้องการ ได้แก่ 1. Tech Talent และ 2. Business Talent โดยผู้ที่ผ่านมาคัดเลือกจะได้รับโอกาสในการทำงานใกล้ชิดกับผู้บริหารระดับสูง ได้รับการฝึกหมุนเวียนไปในทุกกลุ่มธุรกิจ ในบริษัทตลอดระยะเวลา 18 เดือนทั้งนี้ คุณสมบัติและดีเอ็นเอของ True Next Gen จะต้องมีความเป็นผู้นำและพร้อมผลักดันวิสัยทัศน์บริษัทในการก้าวสู่การเป็นผู้นำด้าน Telecom-Tech ของไทย

สำหรับผู้สนใจเข้าสมัครในโครงการ True Next Gen โดยเบื้องต้น ผู้สมัครจะต้องมีอายุต่ำกว่า 28 ปีบริบูรณ์ หรือเทียบเท่า สามารถใช้ภาษาอังกฤษได้อย่างคล่องแคล่ว และสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี ในสาขาใดก็ได้ ผู้สมัครจะต้องผ่านการทำแบบประเมินออนไลน์ การสัมภาษณ์แบบตัวต่อตัว และเข้าร่วมกิจกรรมบูทแคมป์เพื่อคัดเลือกเข้าสู่โปรแกรม True Next Gen เปิดรับสมัครแล้ววันนี้ จนถึงสิ้นเดือนมีนาคมนี้ สนใจสมัคร ได้ที่ https://www.true.th/true-next-gen/index.html

ด้าน นายรัชสิทธิ์ ศักดิ์ศิริ  Head of Provincial Business Department ของ  บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)  กล่าวว่า หลังเรียนจบกลับมาจากประเทศอังกฤษได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของโครงการ True Next Gen โดยทำงานมา 5 ปีแล้ว ซึ่งโครงการนี้ช่วยให้ให้ได้ทำงานหลากหลาย มีหมุนเวียนไปยังงานส่วนต่างๆ ทั้งใน กทม. และต่างจังหวัด รวมถึงได้ทำงานใกล้ชิดกับผู้บริหาร ได้เรียนรู้การทำงานและได้รับประสบการณ์ที่ดี และได้ทำโครงการในแซนด์บ็อกซ์ ก่อนนำมาใช้งานจริง

“ตอนนี้ได้รับผิดชอบงานด้านช็อป และช่องทางจำหน่ายในกรุงเทพฯ  ซึ่งที่ผ่านมาผลงานที่ภูมิใจ คือ ในช่วงโควิดยอดขายในพื้นที่ กทม. ตกลงไปกว่า 15% จึงได้นำโครงการในแซนด์บ็อกซ์ที่พัฒนาขึ้นมาช่วยเเรื่องกลยุทธ์ และการตลาด จนสามารถทำให้ยอดขายในพื้นที่ กทม. ที่รับผิดชอบ กลับมาโตได้ 25% และกลับมาเป็นพื้นที่ที่มียอดขายอันดับ 1 ใน 1 ปีได้”

ด้าน น.ส.วราลี มีนะนันทน์  Senior Associate, Strategic Alliances/Tech Strategy Customer ของ บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า หลังจบการศึกษาจากสหรัฐ ก็ได้กลับมาทำงานที่ทรู ร่วมในโครงการ True Next Gen เป็นที่แรก โดยรับผิดชอบระบบหลังบ้านของ แอป ทรูไอดี เพื่อทำให้เป็นระบบออโตเมชั่นทั้งหมด ให้ลูกค้าสามารถใช้บริการได้จากทุกที่ทั่วโลก เพื่อได้รับบริการเร็วและสะดวกมากขึ้น ปัจจุบับได้รับผิดชอบการประสานงานกับบริษัทเทคใหญ่ๆ ระดับโลก เช่น กูเกิล  ติ๊กต็อก อาลีบาบา เป็นต้น  

“ผลงานที่ภูมิใจ คือการไปช่วยงาน แอป หมอดี  ที่ช่วยให้คนไข้สามารถหาหมอได้สะดวก และรอรับยาที่บ้านได้ และมีค่าใช้จ่ายถูกกว่าการเดินทางไปโรงพยาบาล นอกจากนี้ คือการทำระบบรวมศูนย์ข้อมูลของดีแทค และ ทรู  เข้าด้วยกัน ทำให้ผู้บริหารสามารถทราบข้อมูลปัญหาลูกค้าได้ภายใน 1 วัน จากทุกสาขาทั่วประเทศ  จากเดิมกว่าทุกช็อปทั่วประเทศจะรายงานเข้ามาจะใช้เวลาหลายวัน”

สำหรับผู้สนใจเข้าสมัครในโครงการ True Next Gen โดยเบื้องต้น ผู้สมัครจะต้องมีอายุต่ำกว่า 28 ปีบริบูรณ์ หรือเทียบเท่า สามารถใช้ภาษาอังกฤษได้อย่างคล่องแคล่ว และสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี ในสาขาใดก็ได้ ผู้สมัครจะต้องผ่านการทำแบบประเมินออนไลน์ การสัมภาษณ์แบบตัวต่อตัว และเข้าร่วมกิจกรรมบูทแคมป์เพื่อคัดเลือกเข้าสู่โปรแกรม True Next Gen เปิดรับสมัครแล้ววันนี้ จนถึงสิ้นเดือนมีนาคมนี้ สนใจสมัคร ได้ที่ https://www.true.th/true-next-gen/index.html

น.ส.ศรินทร์รา กล่าวสรุปว่า  ทรู ให้ความสำคัญกับเรื่องบุคลากรเป็นสำคัญ โดยเน้นให้พนักงานทำงานอย่างมีความสุข มีสุขภาพทั้งกายและใจที่ดี โดยมีการปรับปรุงอาคารสำนักงาน โดยมีทั้งส่วนฟิตเนส สปา ห้องกายภาพบำบัด แก้ออฟฟิศซินโดรม มีห้องซาลอน ห้องซ้อมดนตรี นอกจากนี้ยังให้สิทธิลาคลอด 6  เดือนโดยจ่ายเงินเดือนเต็ม มีห้องให้นมลูก ให้สิทธิพนักงานลาเพื่อผ่าตัดแปลงเพศ และลาเพื่อไปปฏิบัติศาสนกิจได้ ทั้งหมดจะช่วยส่งเสริมให้ ทรู เป็นบริษัทที่น่าทำงานมากที่สุดในอเชีย และก้าวเป็นผู้นำด้าน Telecom-Tech ชั้นนำแห่งภูมิภาคได้