ไม่ว่าจะเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สวยงาม อาหารเฉพาะถิ่น ศิลปวัฒนธรรม เทศกาลงานประเพณี ความเชื่อความศรัทธา สินค้าที่ระลึกมาเป็นองค์ประกอบ และหนึ่งในเส้นทางเมืองหลักช่วยเมืองรองที่ว่าก็คือ เพชรบุรี-สมุทรสงคราม-ราชบุรี 3 จังหวัดในพื้นที่ภูมิภาคภาคกลางที่มีมนต์เสน่ห์แตกต่าง หากแต่เป็นเอกลักษณ์ของแต่ละพื้นที่

เริ่มต้นที่เพชรบุรี เมืองชายทะเล เจ้าของตำรับขนมหวานและมีเรื่องราวของประวัติศาสตร์ให้เรียนรู้ แต่นอกจากจุดเด่นที่ว่าแล้ววันนี้ยังมีองค์พญานาคที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย “พ่อปู่พญาศรีเพชรคีรี มหามุนี ศรีสุทโธนาคราช” ที่วัดถํ้าแจง ต.เขาใหญ่ อ.ชะอำ เป็นแลนด์มาร์คล่าสุดที่ใคร ๆ ต้องแวะเวียนไป

หลังใช้เวลาสร้างนานกว่า 2 ปี บนเนื้อที่ประมาณ10 ไร่เศษ องค์พญานาคขนาดความสูงราว 31 เมตร ลำตัวเส้นผ่านศูนย์กลางกว้าง 2 เมตร ความยาวลำตัวรูปยันต์อุนาโลมมีช่องลอด 9 ช่อง ยาว 227 เมตร ลักษณะสีนิลปาล หรือสีเขียวปีกแมลงทับมีมิติ ผลงานของ อาจารย์ปื๊ด ปูนปั้น-ประพัฒน์ มะนิสสา ที่เป็นทั้งผู้ออกแบบและปั้นก็เสร็จสมบูรณ์ นอกจากจะมีนักท่องเที่ยวแวะเวียนมาชมความงดงามแล้ว บ้างก็ตั้งใจมากราบไหว้ขอพรพ่อปู่พญาศรีเพชรคีรี มหามุนี ศรีสุทโธนาคราช

จากนั้นเปลี่ยนบรรยากาศไปชมป่าโกงกาง ณ “อุทยานสิ่งแวดล้อมนานาชาติสิรินธร” ที่ตั้งอยู่ในค่ายพระรามหก ศูนย์เรียนรู้และปลูกจิตสำนึกในด้านการอนุรักษ์พลังงาน ทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม ตามแนวพระราชดำริ ก่อตั้งขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ในโอกาสที่ทรงเจริญพระชนมายุ 48 พรรษา ในปีพุทธศักราช 2548 และเพื่อฟื้นฟูพัฒนาสิ่งแวดล้อมป่าชายเลน ป่าชายหาด ป่าเบญจพรรณและที่อยู่อาศัยของสัตว์นานาชนิดในบริเวณนี้
ให้กลับมาอยู่ในสภาพสมบูรณ์

ภายในมีศูนย์พลังงานเพื่อสิ่งแวดล้อม เป็นศูนย์การเผยแพร่ความรู้เกี่ยวกับพลังงาน การอนุรักษ์พลังงานและสิ่งแวดล้อม โดยมีการจัดนิทรรศการในลักษณะของการสื่อสาร 2 ทาง (Two Ways Communication) แบ่งออกเป็น 8 สถานี ซึ่งแต่ละสถานีจะเป็นการนำเสนอ
ในรูปแบบที่แตกต่างกันออกไป อาทิ แบบจำลอง หุ่นจำลอง การสาธิตและทดลองทำ และมีสิ่งอำนวยความสะดวกอื่น ๆ

นอกจากนี้ยังสามารถสัมผัสกับห้องเรียนธรรมชาติ ภายในอุทยานสิ่งแวดล้อมนานาชาติสิรินธร อาทิ ป่าชายเลน ป่าชายหาดและป่าบก การฟื้นฟูสภาพดินเสื่อมโทรม การแก้ปัญหาการกัดเซาะชายฝั่ง หอดูนก การสาธิตสูบนํ้าโดยใช้พลังงานลม การสาธิตการสูบนํ้าโดยใช้พลังงานจากแสงอาทิตย์ แหล่งเรียนรู้ระบบบำบัดนํ้าเสีย แหล่งเรียนรู้หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง รวมถึงสวนป่าชายเลนทูลกระหม่อม ป่าชายเลนที่สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงปลูกไว้เมื่อปี พ.ศ. 2537 ปัจจุบันมีสภาพอุดมสมบูรณ์และสวยงามเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงนิเวศที่สำคัญแห่งหนึ่งของประเทศ

แล้วไปสัมผัสประสบการณ์นวดผ่อนคลาย และการทำสปาที่ใช้ผลิตภัณฑ์จากดอกเกลือ ณ “สปากังหันทอง” อำเภอบ้านแหลม แหล่งผลิตเกลือสปาที่มาจากเกลือทะเลที่ดีที่สุดของเมืองไทย โดยคัดสรรดอกเกลือบริสุทธิ์มาผสมผสานกับสมุนไพรนานาชนิดเพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิว เพราะความพิเศษของดอกเกลือ คือ สามารถใช้ทำความสะอาดผิวได้ทุกวันโดยไม่บาดผิวและไม่ทำให้ระคายเคืองช่วยให้เซลล์ผิวหนังที่ตายแล้วหลุดออกแร่ธาตุต่าง ๆ ซึมซับเข้าสู่ผิวหนังได้ดี

ไม่ไกลกันคือที่ตั้งของ “วัดนอกปากทะเล” วัดที่มีความสำคัญต่อชุมชนมาแต่โบราณ มีความโดดเด่นของเรือเภตรานิพพานัง วิหารรูปทรงเรือสำเภาขนาดใหญ่ และโบสถ์ไม้สักอายุกว่า 100 ปี ขนาดความยาวสามห้อง ฝาเข้าไม้แบบปะกน ยกพื้นสูงให้พ้นนํ้า นอกจากนี้ยังมีศาลาการเปรียญหลังเก่ามุงกระเบื้องว่าวสีขาวสลับแดง โดยส่วนสีแดง มุงเรียงเป็นตัวอักษรระบุปีสร้างคือ ร.ศ. 117 (พ.ศ. 2443)

จากเพชรบุรีขยับเข้ามาที่สมุทรสงคราม สัมผัสวิถีชีวิตชุมชนริมแม่นํ้าแม่กลอง ณ “ตลาดนํ้าบางน้อย” อำเภอบางคนที ตลาดนํ้าเก่าแก่กว่า 50 ปีของชาวบางน้อย อดีตย่านการค้าทางนํ้าที่สำคัญมากจุดหนึ่งในลุ่มนํ้าแม่กลอง สัมผัสกับเสน่ห์ของเรือนแถวไม้ที่เรียงราย ร้านค้าดั้งเดิม เช่น ร้านขายยาโบราณ ร้านโชห่วย ร้านก๋วยเตี๋ยวนํ้าแดงสูตรโบราณ มีพ่อค้าแม่ค้าพายเรือมาเป็นระยะ นำพืชผลทางการเกษตรทั้ง ลิ้นจี่ มะม่วง ส้มโอ มะเฟือง ชมพู่ กะปิดีคลองโคน และมะนาวดอง ชาวสวนทำเอง อย่าลืมแวะชิมโรตีแต้จิ๋ว เจ๊เรณู เจ้าเดียวที่ยังเหลืออยู่ในตลาดนํ้าบางน้อย ในช่วงเดือนเมษายน-พฤษภาคมของทุกปี มักจะมีการจัดงานเทศกาลกินกุ้งแม่นํ้าแม่กลอง ณ ตลาดนํ้าบางน้อยด้วย

ส่วนสายมูห้ามพลาดกับการแวะสักการะ “ท้าวเวสสุวรรณ” องค์แรกของจังหวัดสมุทรสงคราม และ “พระนางสุพรรณอัปสรจอมเทวี” หรือชาวบ้านเรียกว่า “พระแม่ยักษ์ใหญ่” หรือ “ยักษ์แม่ใหญ่” ที่จมอยู่ใต้นํ้าเป็นเวลา 100 ปีแล้วมาเข้าฝันชาวบ้านก่อนนำมาประดิษฐาน ณ วัดนางตะเคียน สันนิษฐานว่าสร้างในสมัยกรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานี และมีอายุกว่า 400 ปี ภายในพระอุโบสถประดิษฐานพระพุทธรูปปางมารวิชัย ทำด้วยปูนลงรักปิดทอง หน้าตักกว้าง 2 เมตร อีกทั้งยังมีมณฑปจตุรมุขเป็นของเก่าโบราณ ปูชนียวัตถุที่สำคัญ ได้แก่ ชิ้นส่วนพระพุทธรูปหินทรายแดงประทับนั่งขัดสมาธิราบ ไม่มีพระเศียรและหินหีบนํ้าอ้อยทำจากหินแกรนิต มีลักษณะเป็นหินทรงกระบอกสองก้อน ตรงกลางเป็นรูกลม และส่วนล่างเจาะเป็นร่องสำหรับใส่เดือยไม้

จากนั้นไปเยี่ยมชม “พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติจังหวัดราชบุรี” อดีตศาลากลางจังหวัด สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 6 เมื่อปี พ.ศ. 2465 จัดแสดงเกี่ยวกับเมืองราชบุรี ในด้านประวัติศาสตร์ โบราณคดี ธรณีวิทยา ชาติพันธุ์วิทยา ศิลปะพื้นบ้าน เครื่องมือเครื่องใช้ในการทำประมง วัฒนธรรมความเป็นอยู่ของกลุ่มชนในจังหวัดราชบุรี อาทิ ลาวโซ่ง กะเหรี่ยง และไท-ยวน รวมทั้งแหล่งท่องเที่ยวในจังหวัด โบราณวัตถุที่โดดเด่นนอกจากพระแสงดาบราชศัสตราประจำมณฑลราชบุรี มีพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร เปล่งรัศมีศิลปะขอมแบบบายน เป็น 1 ใน 5 องค์ที่ขุดพบในประเทศไทย ซึ่งมีสภาพสมบูรณ์งดงามที่สุด

บ่ายแก่ ๆ ยามเย็นแวะเยี่ยมชม “ณ สัทธา อุทยานไทย” ความรู้มีสีสัน ผ่านเทคโนโลยีทันสมัยและธรรมชาติอันร่มรื่น มีการจัดแสดงหุ่นไฟเบอร์กลาสร่วม 60 รูป จุดเยี่ยมชมที่น่าสนใจ อาทิ มหาราชกษัตรา ณสัทธานุสรณ์ ถํ้าพุทธชาดก

ออกไปฝั่งราชบุรีที่อำเภอสวนผึ้ง มุ่งหน้าสู่ “ตลาดโอ๊ะป่อย” ตลาดเช้าริมธารริมลำนํ้าภาชี อยู่ในพื้นที่ชุมชนไทยเชื้อสายกะเหรี่ยงที่อพยพเข้ามาพร้อมกับชาวมอญในอดีต โอ๊ะป่อยมาจากภาษากะเหรี่ยง แปลว่า “พักผ่อน” ช่วงเช้า 07.30-08.00 น.ใส่บาตรพระสงฆ์ที่ล่องแพไม้ไผ่มาตามลำนํ้าภาชี เสร็จแล้วค่อยสัมผัสกับบรรยากาศตลาดของชุมชนชาวกะเหรี่ยงที่มีเอกลักษณ์ และมีสินค้าท้องถิ่น อาหารพื้นถิ่นจำหน่ายมากมายให้ได้เลือกซื้อหา

จากนั้นไปเยี่ยมชม “The Scenery Vintage Farm” ฟาร์มครบวงจร ซึ่งมีกิจกรรมต่าง ๆ อาทิ การแสดงจากแกะแสนรู้ สุนัขต้อนแกะ ให้อาหารแกะ อย่าลืมชิมไอศกรีมนมแกะ และช้อปสินค้าตกแต่งบ้านและสินค้าท้องถิ่นคุณภาพ

ปิดท้ายที่ “บ้านหอมเทียน” ที่นี่ขายเทียนหอมหลากสีหลายแบบ ซึ่งออกแบบเอง ไม่ได้เลียนแบบใคร ทำกันเองจากโรงงานขนาดย่อมที่อยู่ด้านหลัง นอกจากจะได้เลือกซื้อเทียนคุณภาพระดับพรีเมียมไปเป็นของฝาก อย่าลืมถ่ายรูปสวย ๆ กลับไปเป็นที่ระลึกด้วยเพราะพื้นที่โดยรอบที่แวดล้อมไปด้วยสีเขียวของต้นไม้ ของเก่าที่สะสมไว้อย่างภาชนะสังกะสี ตะเกียงโบราณ และของเล่นเก่า.

อธิชา ชื่นใจ