สำนักข่าวเอเอฟพี รายงานจากกรุงลิลองเว ประเทศมาลาวี เมื่อวันที่ 25 มี.ค. ว่า ชาเควรา ประกาศสถานการณ์ภัยพิบัติทางธรรมชาติ เมื่อช่วงเย็นของวันเสาร์ที่ผ่านมา ใน 23 เขต จากทั้งหมด 28 เขตของมาลาวี หลังรัฐบาลประเมินความเสียหายต่อพื้นที่เพาะปลูก อันเกิดจากเอลนีโญ

“นอกจากฝนที่ล่าช้าและไม่แน่นอน เขตเหล่านี้ยังประสบปัญหาปริมาณน้ำฝนไม่เพียงพอ, อุทกภัย และภาวะแห้งแล้งเป็นเวลานาน ซึ่งสร้างความเสียหายร้ายแรงต่อพืชผล และแนวโน้มการผลิตอาหาร” ชาเควรา กล่าวในแถลงการณ์

ตามข้อมูลขององค์การอาหารและการเกษตรแห่งสหประชาชาติ (เอฟเอโอ) พื้นที่เพาะปลูกสำคัญในมาลาวี, โมซัมบิก, นามิเบีย, แซมเบีย และซิมบับเว ได้รับปริมาณน้ำฝนเฉลี่ยเพียง 80% ในช่วงฤดูร้อนของซีกโลกใต้ ตั้งแต่ช่วงกลางเดือน พ.ย. ถึงเดือน ก.พ. ที่ผ่านมา

ชาเควรา กล่าวเพิ่มเติมว่า การประเมินเบื้องต้นโดยรัฐบาลมาลาวี พบว่า ครัวเรือนเกษตรกรรมเกือบ 2 ล้านครัวเรือน ได้รับผลกระทบ และพื้นที่เพาะปลูกของประเทศร้อยละ 44.3 ได้รับความเสียหาย

นอกจากนี้ เขายังประมาณการว่า มาลาวีต้องการข้าวโพดมูลค่ารวมประมาณ 200 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สำหรับโครงการตอบสนองด้านมนุษยธรรม พร้อมกับเรียกร้องให้ทุกคน ทั้งในประเทศและต่างประเทศ จัดหาทรัพยากรเพื่อสนับสนุนโครงการดังกล่าว

ขณะที่เครือข่ายเกษตรกรรมภาคประชาสังคมของมาลาวี หรือ “ซิซาเนต” (Cisanet) ระบุว่า หน่วยงานสนับสนุนการเรียกร้องของชาเควรา แต่เน้นย้ำถึงความสำคัญของ “การลงทุนที่สอดคล้องกับแนวปฏิบัติที่เท่าทันสภาพอากาศ” และการทำให้แน่ใจว่า “มีความโปร่งใสในการจัดสรรทรัพยากร”.

เครดิตภาพ : AFP