เมื่อวันที่ 27 มี.ค. ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปที่วัดสมบูรณาราม หมู่ 6 ต.สำนักท้อน อ.บ้านฉาง จ.ระยอง หลังได้ร้บการร้องเรียนจาก นายทรงพล เสือจันทร์ อายุ 52 ปี กรณี ภรรยา นางนิตยา เสือจันทร์ อายุ 50 ปี เสียชีวิตปริศนา ภายในไน่มันสำปะหลัง หมู่ 6 ต.สำนักท้อน อ.บ้านฉาง จ.ระยอง เมื่อวันที่ 24 มี.ค.ที่ผ่านมา โดยตั้งศพบำเพ็ญกุศลอยู่ที่วัดสมบูรณาราม ซึ่งเชื่อว่าเป็นการถูกฆาตกรรม
เมื่อเดินทางไปถึงวัดดังกล่าว พบกับนายทรงพล ได้เปิดเผยถึงเหตุการณ์การเสียชีวิตของภรรยา ว่า เมื่อช่วงเช้าวันที่ 24 มี.ค. 67 นางนิตยา ได้ขี่รถจยย.พ่วงข้าง พร้อมด้วยถังฉีดยาเข้าไปในไร่มันสำปะหลัง ตามลำพังคนเดียว จนกระทั่งช่วงเย็น ตนผิดสังเกตุไม่เห็นภรรยากลับมาที่บ้าน จึงออกไปหาที่ไร่มันสำปะหลัง ก็ถึงกับตกใจกับภาพที่เห็น ภรรยานอนคว่ำหน้าอยู่กับพื้นดินใกล้กับรถจยย.พ่วงข้าง จีงรีบไปพลิกตัวขึ้นมา พบว่าตัวแข็งเสียชีวิตแล้ว มีมดคันไฟรุมไต่ตามใบหน้า จึงรีบปัดมดออกแล้วรีบแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจมาตรวจสอบ
นายทรงพล กล่าวต่อว่า จากการตรวจสอบ รอบๆ บริเวณที่พบศพ มีการผสมยาฉีดหญ้าไว้เต็มถัง โดยยังไม่ได้ลงมือฉีด และ พบมวนยาฉุนที่สูบไปเพียงครึ่งมวนทิ้งอยู่ ซึ่งไม่พบหลักฐานอื่น หลังจากนั้นจึงส่งศพไปตรวจพิสูจน์สาเหตุการเสียชีวิตที่ รพ.บ้านฉาง โดยเบื้องต้นยังสงสัยว่าเสียชีวิตจากสาเหตุใด ทั้งที่ภรรยาไม่ได้มีโรคร้ายแรง จึงเชื่อว่าถูกฆาตกรรมแน่นอน
ด้านนายอ๊อด อายุ 33 ปี บุตรชายของผู้เสียชีวิต กล่าวว่า ผลการตรวจพิสูจน์จากแพทย์ ระบุว่า ถูกกระแทกด้วยของแข็งที่ท้ายทอย ซึ่งทางครอบครัวเชื่อว่า ถูกฆาตกรรมอย่างแน่นอน แต่ก็ยังคงมืดแปดด้าน ไม่ทราบว่าเกิดจากสาเหตุใด จะมีก็เรื่องเงินขายที่ดินที่คนซืัอมาฝากกับแม่ เพื่อนำไปให้ทนายนายหนึ่ง ซึ่งก็มีการโอนให้ไปหมดแล้ว ส่วนเรื่องอื่นไม่น่ามี เพราะแม่เป็นคนอัธยาศัยดี และวันที่เกิดเหตุ แม่ก็ไม่มีเงินติดตัวไป จึงไม่ใช่การชิงทรัพย์ ทางครอบครัว จึงต้องการให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ช่วยคลี่คลายคดี หาผู้ก่อเหตุมาดำเนินคดีให้ได้ เพราะถือเป็นการกระทำที่โหดร้ายกับผู้หญิงที่ไม่มีทางสู้
ขณะที่ น.ส.หน่อย เพื่อนบ้าน ที่ถึงกับจับไข้ หลังพบกับเรื่องเหนือธรรมชาติ กับเหตุการณ์เมื่อเวลาประมาณ 20.00 น. วันที่ 24 มี.ค. 67 นางหน่อย ได้เห็น นางนิตยา ผู้เสียชีวิต ซึ่งเป็นเพื่อนสนิทกัน ได้มาหาโดยแต่งตัวด้วยชุดขาว มายืนตรงหน้าบ้าน พร้อมพูดและร้องไห้ไปด้วยว่า “หนูตายแล้วถูกวางยาฆ่าหญ้า” แล้วก็เดินหายไปในความมืด ด้วยความแปลกใจ จึงรีบเดินทางไปที่บ้านของนางนิตยา พบกับ นายทรงพล พอทราบความจริง ว่า นางนิตยา ตายแล้ว นางหน่อยก็ถามย้ำจนมั่นใจว่าเป็นความจริง ก็ถึงกับเข่าอ่อนขนหัวลุก หลังตั้งสติก็รีบกลับบ้านทันที และมีอาการป่วยตามมา คล้ายกับการจับไข้หัวโกร๋น.
