ยุคดิจิทัลในปัจจุบัน ชีวิตของเราเต็มไปด้วยความทรงจำอันล้ำค่า วิดีโอ และทรัพย์สินดิจิทัลต่างๆ ตั้งแต่รูปถ่ายและวิดีโอช่วงเวลาอันน่าประทับใจของครอบครัวไปจนถึงเอกสารสำคัญ ไฟล์ดิจิทัลเหล่านี้มีคุณค่าทางจิตใจและทางการเงินมหาศาล

เมื่อชีวิตของเรากลายเป็นดิจิทัลมากขึ้น การปกป้องข้อมูลเหล่านี้จึงมีความสำคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเราพึ่งพาเทคโนโลยีมากขึ้น ลองพิจารณาสถิติที่น่าสนใจเหล่านี้จากการรวบรวมของ WorldBackupDay.com พบว่ามีคนมากถึง 21% ไม่เคยสำรองข้อมูล ซึ่งเป็นเรื่องที่น่ากังวลเนื่องจากมีโทรศัพท์ 113 เครื่องถูกขโมยทุกนาที

นอกจากนี้ เกิดการสูญเสียข้อมูลโดยไม่ตั้งใจถึง 29% ของเหตุการณ์การสูญหายของข้อมูลที่เราได้ทำการสำรวจ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงช่องโหว่ของไฟล์ดิจิทัล ในขณะเดียวกัน คอมพิวเตอร์ประมาณ 30% ติดมัลแวร์อยู่แล้ว ซึ่งตอกย้ำถึงภัยคุกคามต่อความปลอดภัยของข้อมูลของเรา

การสูญเสียข้อมูลอาจสร้างความเจ็บปวดต่อผู้ใช้งานในยุคดิจิทัล โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อการสูญเสียข้อมูลนั้นเกี่ยวข้องกับภาพถ่ายส่วนตัว หรือบันทึกสำคัญทางธุรกิจ และเนื่องในโอกาสวันสำรองข้อมูลโลกที่ใกล้เข้ามาในวันที่ 31 มีนาคม จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องตระหนักถึงความสำคัญในการปกป้องทรัพย์สินดิจิทัลของเรา

เพื่อให้สอดคล้องกับธีมของปีนี้ “บันทึกความทรงจำดิจิทัล หรือ Save Digital Memories”  ทาง “ซีเกท” ขอแนะนำห้าขั้นตอนง่าย ๆ ในการปกป้องสมบัติดิจิทัล และรับประกันว่าความทรงจำอันแสนรักของคุณจะยังคงถูกเก็บรักษาไว้อีกหลายปีต่อจากนี้

1. กำหนดเวลาการสำรองข้อมูลของคุณเป็นประจำ: เมื่อพูดถึงการสำรองข้อมูล ความถี่เป็นสิ่งสำคัญ หากคุณกำลังบันทึกข้อมูลและความทรงจำใหม่ๆ ในไฟล์ต่างๆ อย่างต่อเนื่อง การกำหนดเวลาในการสำรองข้อมูลเป็นประจำจะสามารถช่วยปกป้องข้อมูลสำคัญจากการลบโดยไม่ตั้งใจ ความเสียหายต่อไฟล์ หรือการโจรกรรม การทดสอบระบบสำรองข้อมูลของคุณควรเป็นส่วนหนึ่งของพฤติกรรมการใช้งานประจำวันด้วย ควรทำบ่อยแค่ไหน? ควรใช้เวลาอย่างน้อยสัปดาห์ละครั้งเพื่อสำรองข้อมูลทั้งหมดและทดสอบระบบสำรองข้อมูลของคุณ เสริมด้วยการสำรองข้อมูลส่วนที่เพิ่มเติมขึ้นทุกวัน

2. ใช้กฎ 3-2-1 เพื่อกระจายระบบสำรองข้อมูล: การทำเช่นนี้ช่วยปกป้องข้อมูลของคุณจากความล้มเหลวของฮาร์ดแวร์ ภัยพิบัติทางธรรมชาติ และการโจมตีทางไซเบอร์  ซึ่งในการดำเนินการนี้ ให้ปฏิบัติตามกลยุทธ์ 3-2-1 นั่นคือ เก็บข้อมูลของคุณ 3 เวอร์ชั่น (ต้นฉบับและสำเนาสองชุด) บนสื่อที่แตกต่างกัน 2 แบบ (เช่น พื้นที่จัดเก็บในเครื่องและระบบคลาวด์) ด้วยโซลูชั่นการจัดเก็บข้อมูลนอกสถานที่อีก 1 รายการ

3. จัดลำดับความสำคัญความปลอดภัยของข้อมูลสำรองของคุณ: ตรวจสอบให้แน่ใจว่าระบบสำรองข้อมูลของคุณมีการรักษาความปลอดภัยแบบติดอยู่กับตัวเครื่องตลอดการใช้งานของฮาร์ดแวร์สำรองข้อมูล ซึ่งจะช่วยป้องกันผู้โจมตีทางไซเบอร์ที่อาจเกิดขึ้น นอกจากนี้บริการสำรองข้อมูลบนคลาวด์สามารถเพิ่มระดับการรักษาความปลอดภัยเพิ่มเติมให้กับข้อมูลของคุณเพราะทำให้ไฟล์และข้อมูลถูกกู้คืนได้ง่ายขึ้น

4. จับคู่ความจุและความต้องการด้านต้นทุนของคุณ: จำนวนเงินที่คุณใช้จ่ายและความจุที่คุณต้องการขึ้นอยู่กับปริมาณข้อมูลที่คุณกำลังสำรองข้อมูล หากคุณมีรูปภาพ วิดีโอและไฟล์ทั่วไปที่ต้องสำรองข้อมูลเป็นจำนวนมาก เป็นเรื่องยากที่จะเอาชนะราคาของฮาร์ดไดรฟ์ภายนอกแบบ Plug & Play ได้ (บางอันอนุญาตให้ตั้งเวลาการสำรองข้อมูลได้) ปัจจุบันมีบริการที่เก็บข้อมูลบนคลาวด์เสนอทางเลือกต่างๆ ให้ผู้ใช้งาน ถ้าหากเลือกทั้งสองอย่างผสมกัน ให้พิจารณาบริการย้ายข้อมูลที่มีการจัดการเพื่อปรับปรุงและรวมการสำรองข้อมูลไว้พร้อมกันเพื่อความสะดวกในการใช้งานและยังช่วยลดค่าใช้จ่ายได้อีกด้วย

5. ใช้ซอฟต์แวร์สำรองข้อมูล: เป็นการลดความซับซ้อนของกระบวนการโดยทำให้งานส่วนใหญ่เป็นแบบอัตโนมัติ ตัวอย่างเช่น ซอฟต์แวร์สำรองข้อมูลที่ติดตั้งไว้ล่วงหน้าของ Windows ช่วยให้คุณสามารถคัดลอกข้อมูลไปยังไดรฟ์สำรองได้ ซึ่งติดตั้งง่ายแต่ก็มีข้อจำกัดเช่นกัน รวมถึงซอฟต์แวร์สำรองข้อมูลประเภทอื่นๆ เช่น การซิงค์บนคลาวด์ บริการสำรองข้อมูลออนไลน์ และจะช่วยทำให้กระบวนการสำรองข้อมูลเป็นไปอย่างง่ายดายในราคาที่สมเหตุสมผล