เริ่มต้นที่ ปีมะเมีย เสริมสิริมงคลคนปีม้า ที่ “วัดพระบรมธาตุบ้านตาก” หรือพระธาตุเจดีย์ชเวดากอง ตั้งอยู่ที่ ต.เกาะคา ใจกลางเมืองตากเก่า อ.บ้านตาก จ.ตาก เชื่อกันว่าการได้มากราบไหว้พระบรมธาตุที่นี่แทนเจดีย์ชเวดากองที่พม่า ในช่วงเดือนพฤษภาคม-มิถุนายนของทุกปี จะมีการจัดประเพณีขึ้นธาตุเดือน 9 ด้วย มาถึงจังหวัดตากแล้วต้องไปสักการะ “ศาลสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช” แล้วไปเดินเล่นที่ย่านการค้าเก่า “ตรอกบ้านจีน” แม้วันนี้บรรยากาศความคึกคักของชุมชนค้าขายอาจไม่หลงเหลือมาถึงยุคปัจจุบัน แต่ตรอกบ้านจีนก็ยังคงมีบ้านเก่าที่ได้รับการรักษาสภาพเดิมให้คนรุ่นหลังได้ชื่นชม แวะชิมเบเกอรี่ที่ “เถียงนา coffee and Bakery Farm” ที่มีดีมากกว่าแค่ครัวซองต์
![](https://www.dailynews.co.th/wp-content/uploads/2024/03/3103-02.jpg)
ไปแชะแล้วแชร์ที่ “สะพานแขวนสมโภชกรุงรัตนโกสินทร์ 200 ปี” องค์การบริหารส่วนจังหวัดตากสร้างเมื่อ พ.ศ. 2525 ลักษณะเป็นสะพานแขวนลวดสลิง พื้นไม้ ข้ามแม่นํ้าปิงระหว่างเทศบาลเมืองตาก และตำบลป่ามะม่วง ไปชมความมหัศจรรย์ “ไม้กลายเป็นหิน” ในอุทยานแห่งชาติดอยสอยมาลัย แวะช้อปสินค้า GI “ครกหินแกรนิต” อ.บ้านตาก ชิมอาหารถิ่น “แกงมะแฮะ” ร้าน Wattana Hip แล้วไปร่วมกิจกรรม Eco Print ผ้าพิมพ์ลายใบไม้ที่ “ไร่ตะวันเชิงดอย” หากยังไม่หมดแรงไปนั่งรถรางไฟฟ้าเที่ยวชมสันเขื่อนภูมิพล หรือปั่นจักรยานเที่ยว
ไปที่เชียงใหม่ที่มีเส้นทางไหว้พระธาตุสำหรับคน ปีมะเส็ง ปีมะแม ปีมะโรง ปีชวด และ ปีจอ เรียกว่ามาพร้อมกันก็ร่วมเดินทางสักการะพระธาตุปีอื่น ๆ ไปด้วยได้ เริ่มต้นด้วย “วัดพระธาตุศรีจอมทอง วรวิหาร” พระธาตุประจําคนเกิดปีชวด สถานที่ประดิษฐานพระทักษิณโมลีธาตุ พระธาตุส่วนที่เป็นพระเศียรเบื้องขวาของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า มีขนาดเท่าเมล็ดพุทรา สัณฐานกลมเกลี้ยง สีขาวนวลเหมือนดอกบวบ หรือสีคล้ายดอกพิกุลแห้ง ประเพณีเด่นของวัดคือ การแห่ไม้คํ้าโพธิ์ จัดขึ้นเป็นประจําทุกวันที่ 15 เมษายน ของทุกปี
![](https://www.dailynews.co.th/wp-content/uploads/2024/03/3103-04.jpg)
“วัดพระธาตุดอยสุเทพ ราชวรวิหาร” ประจําปีมะแม ตั้งแต่อัญเชิญพระธาตุมาประดิษฐานบนยอดเขาเมื่อปี พ.ศ. 1927 หลังจากนั้นได้มีการก่อสร้างพระเจดีย์ครอบองค์พระธาตุ สร้างพระอุโบสถและบันไดนาคต่อด้วย “เจดีย์ศรีมหาโพธิพุทธคยา วัดเจดีย์เจ็ดยอด” พระธาตุประจําปีมะเส็ง วัดที่สมเด็จพระเจ้าติโลกราช กษัตริย์แห่งราชวงศ์มังรายของล้านนา โปรดเกล้าให้สร้างขึ้น เมื่อปี พ.ศ. 1998 และเป็นสถานที่สังคายนาพระไตรปิฎกครั้งที่ 8 ของโลก
![](https://www.dailynews.co.th/wp-content/uploads/2024/03/3103-19.jpg)
“วัดเกตการาม” พระธาตุประจําปีจอ ประดิษฐานพระธาตุเกศแก้วจุฬามณี กล่าวกันว่าเป็นพระทันตธาตุที่พระอินทร์นำมาจากพระบรมธาตุที่โทณพราหมณ์ได้แอบซ่อนไว้ เมื่อครั้งมีการแบ่งพระบรมสารีริกธาตุของพระพุทธเจ้าให้แก่เจ้าเมืองต่าง ๆ “วัดพระสิงห์วรมหาวิหาร พระพุทธสิหิงค์” พระธาตุประจําปีมะโรง มีประวัติยาวนานกว่า 655 ปี เดิมชื่อ “วัดลีเชียงพระ” หมายถึง วัดที่ตั้งใกล้ตลาดกลางเมือง ในสมัยกษัตริย์ลำดับที่ 8 แห่งราชวงศ์มังราย ได้อัญเชิญพระพุทธสิหิงค์มาประดิษฐานสักการะพระธาตุประจำปีเกิดแล้วอย่าลืมแวะไปเช็กอินที่ “อุทยานหลวงราชพฤกษ์” แล้วช้อปสินค้าของฝากที่ดีต่อใจและดีต่อโลกที่ “กาดจริงใจ”
![](https://www.dailynews.co.th/wp-content/uploads/2024/03/3103-03.jpg)
คนปีกุนต้องไปที่เชียงรายสักการะ “พระธาตุดอยตุง” เจดีย์สีทองอร่าม 2 องค์คู่กันในรูปแบบทรงปราสาทยอดทรงระฆังกลมขนาดเล็ก ตำนานกล่าวว่า นี่คือเจดีย์แห่งแรกในอาณาจักรล้านนาอันเป็นที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุส่วนพระรากขวัญเบื้องซ้าย (กระดูกไหปลาร้า) ที่พระเจ้าอชุตราชทรงอัญเชิญมาจากประเทศอินเดีย อิ่มบุญแล้วมาอิ่มใจที่ “โครงการพัฒนาดอยตุง (พื้นที่ทรงงาน) อันเนื่องมาจากพระราชดําริ”
ไปคลีนอัพกายและใจที่ “ศูนย์วิปัสสนาไร่เชิญตะวัน” ออกไปสัมผัสเรื่องราววิถีเกษตรอินทรีย์พร้อมชิมอาหารปลอดสาร
ที่ “ไร่รื่นรมย์” กลับเข้ามาชมความงดงามของพระอุโบสถสีนํ้าเงินของ “วัดร่องเสือเต้น” แล้วออกไปเรียนรู้เรื่องราวของชาวแม่สลองที่ “พิพิธภัณฑ์วีรชนอดีตทหารจีนคณะชาติภาคเหนือประเทศไทย” แวะสักการะ “พระบรมธาตุศรีนครินทราสถิตมหาสันติคีรี” สร้างขึ้นเพื่อเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี (สมเด็จย่า) แล้วอย่าลืมเช็กอินที่ “Street Art แม่สลอง” กับภาพที่บอกเล่าเรื่องราวของชาวจีนแม่สลอง วิถีชีวิตบริเวณถนนวัฒนธรรม สินค้าท้องถิ่นของกินพื้นบ้านและตลอดถนนเส้นหลักของดอยแม่สลอง
![](https://www.dailynews.co.th/wp-content/uploads/2024/03/3103-05.jpg)
เสร็จแล้วลงจากดอยเลยไปช้อปที่ “ตลาดการค้าชายแดน อ.แม่สาย” ตบท้ายด้วยการไปสัมผัสวิถีชุมชนที่ “ชุมชนบ้านปางห้า” ชุมชนเล็ก ๆ เลียบชายฝั่งแม่นํ้ารวก เรียนรู้ภูมิปัญญาพื้นบ้านจากปราชญ์ชุมชนหลากหลายแขนงจะมาแบบวันเดย์ทริปหรือค้างแรมสักคืนจะได้มีเวลาชิมพิซซ่าไทลื้อ ข้าวซอยน้อย และข้าวแรมฟืน อาหารตำรับไตลื้อ
ถัดมาที่ชาว ปีฉลู และ ปีระกา กับเส้นทางเสริมสิริมงคลลำพูน-ลำปาง เริ่มต้นที่ “สถานีรถไฟลำปาง” อีกหนึ่งความคลาสสิกของสถานีรถไฟที่ยังคงหลงเหลืออยู่ จากนั้นไปชมสถาปัตยกรรมวัดพม่าที่มีมากมายในตัวเมืองลำปาง เพิ่มเติมสีสันด้วยการนั่งรถม้าชมวัดแบบสไลว์ไลฟ์ แวะทำความรู้จักลำปางมากขึ้นที่ “พิพิธภัณฑ์การเรียนรู้เมืองลำปาง” ก่อนจะไปทดสอบฝีมือการปั้นและเพนต์ที่ “พิพิธภัณฑ์เซรามิกธนบดี” มาถึงลำปางอย่าพลาดการไปทำความคุ้นเคยกับช้างที่ “สถาบันคชบาลแห่งชาติในพระอุปถัมภ์ฯ” ชมการแสดงช้าง การอาบนํ้าช้าง การขี่ช้างชมธรรมชาติ การชมวิถีชีวิตช้างโขลง การฝึกควาญช้าง รวมไปถึงการพักโฮมสเตย์เพื่อสัมผัสวิถีชีวิตช้าง
![](https://www.dailynews.co.th/wp-content/uploads/2024/03/3103-06.jpg)
ได้เวลาสายมูสตาร์ตที่ “วัดพระธาตุหริภุญชัยวรมหาวิหาร” พระธาตุประจำปีเกิดของคนเกิดปีระกา สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 1651 ในสมัยพระเจ้าอาทิตยราช ตั้งอยู่ ณ ใจกลางเมืองลำพูน ต่อด้วย “วัดจามเทวี” ชาวบ้านเรียกว่าวัดกู่กุด สร้างเมื่อประมาณ พ.ศ. 1298 โดยฝีมือช่างละโว้ ลักษณะพระเจดีย์เป็นสี่เหลี่ยมแบบพุทธคยาในประเทศอินเดีย
“วัดพระธาตุดอยพระฌาน” ตั้งอยู่บนยอดดอยพระฌาน แต่เดิมบนยอดเขามีเพียงซากอิฐปรักหักพังซึ่งชาวบ้านเชื่อว่าสถานที่แห่งนี้มีความศักดิ์สิทธิ์เต็มไปด้วยเรื่องราวลี้ลับ ปัจจุบันมีพระธาตุดอยพระฌาน เป็นเจดีย์สีขาวมีปลียอดและฉัตรสีทอง เป็นองค์พระธาตุที่มีมาแต่ดั้งเดิม และพระไดบุทสึ ประดิษฐานโดดเด่นอยู่บนเนินเขา สุดท้ายที่ “วัดพระธาตุลำปางหลวง” พระธาตุประจำปีฉลู วัดไม้ที่มีความสมบูรณ์ที่สุดแห่งหนึ่งของไทยมีสถาปัตยกรรมที่เก่าแก่และงดงาม อีกทั้งยังเป็นพระธาตุประจำปีเกิดของคนปีฉลู โดยเริ่มสร้างในปีฉลูและเสร็จสิ้นในปีฉลู
เช่นเดียวกัน
![](https://www.dailynews.co.th/wp-content/uploads/2024/03/3103-07.jpg)
ปีขาล และ ปีเถาะ ต้องไปเสริมสิริมงคลที่แพร่-น่านเริ่มด้วย “วัดพระธาตุแช่แห้ง” พระธาตุประจำของคนเกิดปีเถาะ ประดิษฐานพระมหาชินธาตุเจ้า 7 พระองค์ พระพิมพ์เงินและพระพิมพ์ทอง ที่ได้รับพระราชทานจากพระมหาธรรมราชาลิไท แล้วไป “นั่งรถรางชมเมืองเก่าน่าน” แวะชมภาพจิตรกรรมฝาผนังกระซิบรักที่ “วัดภูมินทร์” สักการะพระพุทธนันทบุรีศรีศากยมุนี พระพุทธรูปสัมฤทธิ์ปางประทานอภัยที่ “วัดพระธาตุช้างคํ้าวรวิหาร” แล้วไปเช็กอินที่ “ซุ้มลีลาวดี ณ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติน่าน”
ชมเรือนไม้โบราณ “พิพิธภัณฑ์เฮือนบ้านสวกแสนชื่น” เรียนรู้เกษตรอินทรีย์ที่ “บ้านเชียงยืน” ฟังเรื่องราวของผ้าทอมือพร้อมช้อปของฝากที่ “บ้านซาวหลวง” แล้วไปชมเมืองน่านในมุมสูงที่ “วัดพระธาตุเขาน้อย” พร้อมสักการะพระเกศาธาตุขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า มาถึงน่านแล้วอย่าลืมแวะไป “วัดถํ้าเชตวัน” 1 ใน 25 อันซีนไทยแลนด์ ปี 2566 จากพื้นที่รกร้างครูบาน้อย พัฒนาจนกลายเป็นพุทธสถานและสถานที่ปฏิบัติธรรมอันสวยงาม ไม่ไกลกันมีกลุ่มทอผ้าพื้นเมือง “ชุมชนบ้านหนองห้า” ให้แวะชมและช้อป
ต่อไปที่แพร่กับ “บ้านมัดใจ” คาเฟ่ในบ้านไม้หลังเล็กท่ามกลางธรรมชาติที่มีเวิร์กช็อปงานคราฟต์ ให้ผู้มาเยือนได้ลงมือสร้างสรรค์งานศิลปะบนผืนผ้าและเซรามิกเป็นอีกหนึ่งองค์ประกอบ แล้วไปเช็กอินที่ “คุ้มเจ้าหลวง” สถาปัตยกรรมเรือนขนมปังขิงหลังแรก ต่อด้วย “คุ้มวงศ์บุรี” เรือนรักสีชมพูมรดกเรือนไม้ที่มีชีวิตแห่งยุคสมัย ชิมและช้อปที่ “กาดกองเก่า” จบด้วย “Sight Seeing Night Tour ผ่อบ้านแอ่วเวียงยามคํ่า” ชมวัด ชมเมืองยามคํ่าคืน
คนปีขาลไปสักการะพระธาตุที่ “วัดพระธาตุช่อแฮ พระอารามหลวง” ที่ประดิษฐานพระเกศาธาตุและพระบรมสารีริกธาตุส่วนของพระศอกข้างซ้ายของพระพุทธเจ้า ก่อนกลับแวะหาซื้อเสื้อหม้อห้อมที่ “บ้านทุ่งโฮ้ง” แหล่งผลิตผ้าหม้อห้อมที่ใหญ่และมีชื่อเสียงที่สุด.
อธิชา ชื่นใจ