เมื่อวันที่ 30 ก.ย. น.ส.จิตราภรณ์ อายุ 31 ปี ชาว อ.ควนโดน จ.สตูล ร้องทุกข์กับมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี ว่า ครอบครัวตนยากจน ที่บ้านอาศัยอยู่กัน 7 คน สามีวัย 63 ปี มีอาการป่วยเรื้อรังทำงานไม่ได้ มีลูก 4 คน อายุ 11 ขวบ 10 ขวบ 6 ขวบ และ 4 ขวบ ขณะที่พี่ชายอายุ 40 ปี ก็มาอาศัยอยู่ด้วยกัน แต่ช่วงนี้ตกงานเพราะพิษโควิด ตนต้องเป็นเสาหลักของครอบครัว ก่อนหน้านี้ค้าขายอาหาร พอโควิดระบาดก็ต้องหยุดขายทำให้ขาดรายได้

น.ส.จิตราภรณ์ กล่าวต่อว่า วันที่ 24 ก.ย.ที่ผ่านมา ตนได้ไปฉีดวัคซีนซิโนแวค เข็มแรก หลังจากฉีดเสร็จก็นั่งดูอาการ 30 นาที รู้สึกแขนขาข้างซ้ายเริ่มชา เจ้าหน้าที่จึงนำตัวส่ง รพ.ควนโดน รักษาตามสิทธิบัตรทอง ต่อมาถูกส่งตัวไปที่ รพ.สตูล รักษาตัวมา 5 วัน ตอนนี้อาการเริ่มดีขึ้น พอจะยกแขนขึ้นได้บ้างแต่แขนและมือยังบวมมากเพราะต้องเจาะให้ยาทางเส้นเลือดดำและเส้นเลือดแดง ส่วนสาเหตุแพทย์ระบุว่า เส้นเลือดในสมองตีบฉับพลันหลังจากได้รับวัคซีน ตอนนี้ครอบครัวต้องอยู่อย่างลำบาก ขอความช่วยเหลือให้พี่ชายได้มีงานทำ เพื่อมาเป็นเสาหลักแทนตนในช่วงที่ต้องรักษาตัว และอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาเยียวยาครอบครัว

ภายหลังรับเรื่อง นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาฯ ได้ประสาน นพ.สมบัติ ผดุงวิทย์วัฒนา นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดสตูล ขอให้รักษาผู้ป่วยอย่างเต็มที่ โดย นพ.สมบัติ ยืนยันจะรักษาผู้ป่วยให้หายเป็นปกติ ซึ่งอาจต้องใช้เวลาระยะหนึ่ง และจะช่วยเยียวยาหางานให้พี่ชายผู้ป่วยทำเพื่อจะได้มีเงินเลี้ยงครอบครัว

พร้อมกันนี้นางปวีณา ยังได้ประสาน นายอูมา หะยีมะเก๊ะ หัวหน้าบ้านพักเด็กและครอบครัวจังหวัดสตูล เข้าไปให้การช่วยเหลือครอบครัว น.ส.จิตราภรณ์ และมูลนิธิปวีณาฯ ได้โอนเงินจำนวนหนึ่งไปให้ พร้อมส่งข้าวสาร อาหารแห้ง นม ไปช่วยเหลือแล้ว โปรดติดตามความคืบหน้าในการรักษาเยียวยาผู้ป่วยเคสนี้ต่อไป

ด้านนางปวีณา กล่าวว่า ครอบครัวนี้น่าสงสารเพราะยากจนมาก สามีป่วยเรื้อรัง และมีลูกเล็ก 4 คน ลูกคนเล็กเพิ่ง 4 ขวบ แถมพี่ชายยังตกงาน ผู้เป็นแม่ซึ่งเป็นเสาหลักก็ต้องมานอนรักษาตัว จากอาการเส้นเลือดในสมองตีบฉับพลันหลังฉีดวัคซีน จึงได้ประสาน​ นพ.สมบัติ ซึ่งท่านก็รับปากจะรักษาอย่างเต็มที่ และจะช่วยหางานให้พี่ชายผู้ป่วยด้วย ก็ต้องขอบคุณยิ่ง ช่วงนี้เราต้องช่วยครอบครัวนี้ให้อยู่รอดให้ได้

หากผู้ใจบุญท่านใดต้องการให้ความช่วยเหลือเพิ่มเติม ติดต่อมูลนิธิปวีณาฯ ได้ที่ โทร. 08-1814-0244, 09-8478-8991, 09-4778-7771 หรือ หมายเลขโทรฯ​ สายด่วน 1134 ในเวลาราชการ.