สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงเตหะราน ประเทศอิหร่าน เมื่อวันที่ 2 เม.ย. ว่าประธานาธิบดีอิบราฮิม ไรซี ผู้นำอิหร่าน กล่าวถึงเหตุการณ์โจมตีทางอากาศ ทำลายอาคารสำนักงานกงสุลอิหร่าน ซึ่งตั้งอยู่ติดกับสถานเอกอัครราชทูตอิหร่านประจำกรุงดามัสกัส เมืองหลวงของซีเรีย เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 11 ราย ในจำนวนนี้อย่างน้อย 7 ราย เป็นเจ้าหน้าที่สังกัดกองกำลังพิทักษ์ปฏิวัติอิหร่าน (ไออาร์จีซี) ว่า “เป็นอาชญากรรมที่ขี้ขลาดของรัฐไซออนิสต์” และรัฐบาลเตหะรานจะไม่มีทางเพิกเฉยกับเรื่องนี้


ด้านนายนาสเซอร์ คานานี โฆษกกระทรวงการต่างประเทศอิหร่าน กล่าวว่า อิสราเอลละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศครั้งใหญ่อีกครั้ง รวมถึง การฝ่าฝืนอนุสัญญาเวียนนา และยืนยันว่า อิหร่าน “จะดำเนินการที่จำเป็น” เพื่อตอบโต้กับเหตุการณ์นี้ ขณะที่กระทรวงการต่างประเทศซีเรียออกแถลงการณ์ ประณามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เป็นการละเมิดอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของซีเรีย “อย่างร้ายแรง”


อีกด้านหนึ่ง สภาความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐออกแถลงการณ์ ยืนยันว่า “ไม่มีความเกี่ยวข้องในทางใดก็ตาม” กับปฏิบัติการทางทหารที่เกิดขึ้น และไม่ได้รับแจ้งล่วงหน้าจากฝ่ายใดด้วย โดยไม่มีการพาดพิงถึงอิสราเอล ที่ยังคงสงวนท่าที ต่อการโจมตีครั้งนี้ ซึ่งเป็นครั้งที่ 5 ภายในระยะเวลาเพียงสัปดาห์เดียว


อย่างไรก็ตาม ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา อิสราเอลแทบไม่เคยให้ความเห็นเกี่ยวกับการโจมตีลักษณะนี้อยู่แล้ว แต่กล่าวว่า อิสราเอลจะไม่มีทางปล่อยให้อิหร่านและกองกำลังฝักใฝ่อิหร่าน เข้ามาตั้งฐานที่มั่นและซ่องสุมอยู่ในซีเรีย


อนึ่ง สถานเอกอัครราชทูตอิหร่านประจำซีเรีย และสำนักข่าวแห่งชาติอิหร่าน (ไออาร์เอ็นเอ) รายงานว่า เครื่องบินขับไล่เอฟ-35 ของกองทัพอิสราเอล ยิงขีปนาวุธอย่างน้อย 6 ลูก โจมตีอาคารจนพังราบเป็นหน้ากลอง โดยผู้เสียชีวิตรวมถึง พล.จ.โมฮัมหมัด เรซา ซาเฮดี และพล.จ.โมฮัมหมัด ฮาดี ฮาดี ฮาจี ราฮิมี ทั้งคู่เป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงของกองกำลังนักรบคุดส์ ซึ่งเป็นกองกำลังฝ่ายต่างประเทศของไออาร์จีซี.

เครดิตภาพ : AFP