น.ส.อิสรี ดำรงพิทักษ์กุล ผู้อำนวยการฝ่ายธุรกิจ Consumer Business  ของ  LINE ประเทศไทย และทีม LINE STICKERS ประเทศไทย เปิดเผยว่า  กลุ่มธุรกิจ LINE STICKERS ในปัจจุบันมีครีเอเตอร์ผู้สร้างสรรค์สติกเกอร์มากกว่า 1.3 ล้านราย และมีสติกเกอร์วางจำหน่ายในตลาดของประเทศไทยกว่า 7 ล้านชุด โดยในปี 66  ที่ผ่านมา ตัวเลขผู้ใช้งานสติกเกอร์ในปี 66 พบว่าผู้ใช้งานส่วนใหญ่ยังคงเป็นผู้หญิง 68% และผู้ชาย 32% กลุ่มผู้ใช้งานหลักมีอายุน้อยลง อยู่ในช่วงอายุ 20-34 ปี และเริ่มมีการกระจายตัวสู่ผู้ใช้งานต่างจังหวัดมากขึ้น

โดยมีส่วนสัดส่วนอยู่ที่ กรุงเทพฯ​ 45 % และ ต่างจังหวัด 55%  เนื่องจาก ได้ผลักดันให้เกิดกลุ่มร้านค้า ที่ได้รับอนุญาตเป็นตัวแทนจาก LINE STICKERS (LINE Verified Reseller) ในต่างจังหวัดเพิ่มมากขึ้น นอกจากนี้ยังพบว่าผู้ใช้งานมีการดาวน์โหลดอิโมจิเพื่อใช้งานเพิ่มมากขึ้น และ 1 ใน 5 ของผู้ใช้งานสติกเกอร์มักดาวน์โหลดธีม ซึ่งถือเป็นโอกาสในสร้างสรรค์ผลงานเพื่อตอบโจทย์การใช้งานมากขึ้น

สำหรับ 5 เทรนด์สติกเกอร์มาแรงแห่งปี ในปีนี้ คือ Motion Trend (ท่าทางของสติกเกอร์) ได้แก่ Sarcastic รูปแบบจิกกัด เน้นข้อความ คำพูดหรือเหตุการณ์ที่อยู่ในกระแสปัจจุบัน Lovely รูปแบบน่ารัก ใช้งานง่ายได้ทุกสถานการณ์ และ Chubby รูปแบบจ้ำม่ำดูเป็นมิตร ในขณะที่ Style Trend (สไตล์ออกแบบสติกเกอร์) จะเป็นแบบ Minimal เน้นการออกแบบคาแรคเตอร์ด้วยสีพื้นเรียบง่าย ลายเส้นชัด แต่เพิ่มเอกลักษณ์ด้วยการสีที่น้อยแต่มาก และ Colorful เน้นโทนสีที่หลากหลายชัดเจน แต่ไม่จัดจ้าน เพื่อสร้างสนุกสนานให้กับการออกแบบ

น.ส.อิสรี กล่าวต่อว่า ไลน์  ได้มี โปรแกรมการพัฒนาครีเอเตอร์ เพื่อ เป็นพื้นที่สร้างโอกาส เป็นที่ปรึกษา และสนับสนุนให้ครีเอเตอร์มือใหม่และมืออาชีพเติบโตไปพร้อมกับ LINE ด้วยแผนการทำงานที่ชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นโปรแกรม Creators Club ซึ่งจัดเป็นปีที่ 3 ด้วยการให้สิทธิพิเศษต่างๆ ตามยอดดาวน์โหลดจากผู้ใช้งาน ทั้งเงินรางวัล สิทธิ์เข้าร่วมกิจกรรมพิเศษจาก LINE โดยในปีนี้จะพัฒนา Creators Club ให้ครีเอเตอร์เข้าถึงได้ง่ายขึ้น รวมถึงจัดการแข่งขัน LINE STICKERS CONTEST 2024 ซึ่งจัดขึ้นต่อเนื่องเป็นปีที่ 9 เพื่อลุ้นเป็นผู้ชนะร่วมเอ็กซ์คลูซีฟทริปที่ญี่ปุ่น รวมทั้งแคมเปญสร้างผลงานตามโจทย์จาก LINE STICKERS ควบคู่ไปกับกิจกรรมการตลาดอย่างต่อเนื่อง เพื่อผลักดันครีเอเตอร์ให้สร้างสรรค์ผลงานคุณภาพเข้าสู่ตลาดมากขึ้นอีกด้วย

นอกจากนี้ LINE STICKERS ยังสนับสนุนการสร้างโปรเจคใหม่ๆเพื่อยกระดับผลงานและ ตัวตนของครีเอเตอร์ให้เกิดความยั่งยืน ทั้งผลักดันและส่งเสริมผลงานครีเอเตอร์ในไทยไปสู่สติกเกอร์ทางการ (Official Stickers) ซึ่งจะเป็นจุดเริ่มต้นไปสู่การสร้างโอกาสให้ครีเอเตอร์สามารถขายผลงานสติกเกอร์ได้ในต่างประเทศ และเข้าถึงช่องทางธุรกิจอื่นๆ อย่างธุรกิจลิขสิทธิ์ (IP Business) ได้ง่ายขึ้น โดยในปีนี้ได้มีการพิจารณาให้ครีเอเตอร์ที่มีผลงานโดดเด่นในระดับท็อปของปี 2566 ได้รับส่วนแบ่งรายได้ในอัตราพิเศษอีกด้วย

ทั้งนี้อีกหนึ่งหน่วยธุรกิจที่ช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการเติบโตของครีเอเตอร์ คือ LINE IP Business ที่เป็นตัวเชื่อมที่สำคัญระหว่างครีเอเตอร์และลูกค้าองค์กรต่างๆ ที่ต้องการทำการตลาดเชิงสร้างสรรค์หรือการตลาดคาแรคเตอร์ โดยในปีที่ผ่านมา LINE IP Business มีรายได้เติบโตกว่า 700% (เทียบระหว่างปี 2565 และ 2566) จากความสำเร็จดังกล่าว LINE IP Business จะมุ่งเน้นทำงานเชิงรุกในการนำเสนอผลงานครีเอเตอร์สู่ลูกค้าและพันธมิตรทางธุรกิจ และจะเดินหน้าตีตลาดยุโรป ไต้หวัน และจีน ให้มากขึ้น ผ่านการร่วมงานเทรดโชว์ระดับสากลอย่าง Hongkong Licensing Show 2024 และการแต่งตั้งตัวแทนในการดูแลลิขสิทธิ์ต่างๆ ซึ่งในปี 2567 LINE IP Business ตั้งเป้าการเติบโตขึ้นเป็น 2 เท่า ด้วยการเดินหน้าเพิ่มจำนวนลูกค้า จับมือกับพาร์ทเนอร์ และเชื่อมต่อลูกค้าแบบ B2B เพื่อเพิ่มช่องทางขายงานให้มากขึ้น