สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงเทลอาวีฟ ประเทศอิสราเอล เมื่อวันที่ 8 เม.ย. ว่าสื่อท้องถิ่นหลายแห่งในอิสราเอลรายงานว่า รัฐบาลอิสราเอลสั่งระงับและลดระดับการปฏิบัติงานของสถานเอกอัครราชทูตอย่างน้อย 28 ประเทศ รวมถึง อียิปต์ โมร็อกโก จอร์แดน บาห์เรน และตุรกี
ทั้งนี้ พล.ต.ยาห์ยา ราฮิม ซาฟาวี ที่ปรึกษาอาวุโสทางทหารของอยาตอลเลาะห์ อาลี คาเมเนอี ผู้นำสูงสุดแห่งอิหร่าน กล่าวว่า “อักษะแห่งการต่อต้าน” ที่เป็นการรวมตัวของพันธมิตรต่อต้านอิสราเอลและตะวันตก “มีความพร้อมระดับสูงสุด” และเตือนว่า “สถานเอกอัครราชทูตอิสราเอลทั่วโลกไม่ปลอดภัยอีกต่อไป”
General Yahya Rahim Safavi, the top military advisor to Iran’s Supreme Leader, has reiterated threats against Israeli embassies worldwide, saying none of them are safe anymore as Tehran prepares to avenge Israel’s killing of top IRGC generals. https://t.co/PQb3MEn3qD pic.twitter.com/JBtVHQZTgs
— Iran International English (@IranIntl_En) April 7, 2024
อนึ่ง อิหร่านประกาศชัดเจนว่า “ต้องการเอาคืน” เหตุการณ์เครื่องบินขับไล่เอฟ-35 ของอิสราเอล ทิ้งระเบิด 6 ลูก โจมตีอาคารกงสุล ในบริเวณสถานเอกอัครราชทูตอิหร่านประจำกรุงดามัสกัส เมืองหลวงของซีเรีย เมื่อวันที่ 1 เม.ย. ที่ผ่านมา ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตทั้งสิ้น 13 ราย ในจำนวนนี้ 7 รายเป็นชาวอิหร่าน และทั้งหมดเป็นเจ้าหน้าที่กองกำลังพิทักษ์ปฏิวัติอิหร่าน (ไออาร์จีซี) โดยผู้เสียชีวิตในจำนวนนี้ 2 ราย เป็นทหารยศนายพล
อย่างไรก็ตาม จนถึงตอนนี้ รัฐบาลและกองทัพอิสราเอลยังคงสงวนท่าทีต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา อิสราเอลแทบไม่เคยให้ความเห็นเกี่ยวกับการโจมตีลักษณะนี้ แต่กล่าวว่า อิสราเอลจะไม่มีทางปล่อยให้อิหร่านและกองกำลังฝักใฝ่อิหร่าน เข้ามาตั้งฐานที่มั่นและซ่องสุมอยู่ในซีเรีย.
เครดิตภาพ : AFP