สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงเทลอาวีฟ ประเทศอิสราเอล เมื่อวันที่ 8 เม.ย. ว่าสื่อท้องถิ่นหลายแห่งในอิสราเอลรายงานว่า รัฐบาลอิสราเอลสั่งระงับและลดระดับการปฏิบัติงานของสถานเอกอัครราชทูตอย่างน้อย 28 ประเทศ รวมถึง อียิปต์ โมร็อกโก จอร์แดน บาห์เรน และตุรกี


ทั้งนี้ พล.ต.ยาห์ยา ราฮิม ซาฟาวี ที่ปรึกษาอาวุโสทางทหารของอยาตอลเลาะห์ อาลี คาเมเนอี ผู้นำสูงสุดแห่งอิหร่าน กล่าวว่า “อักษะแห่งการต่อต้าน” ที่เป็นการรวมตัวของพันธมิตรต่อต้านอิสราเอลและตะวันตก “มีความพร้อมระดับสูงสุด” และเตือนว่า “สถานเอกอัครราชทูตอิสราเอลทั่วโลกไม่ปลอดภัยอีกต่อไป”


อนึ่ง อิหร่านประกาศชัดเจนว่า “ต้องการเอาคืน” เหตุการณ์เครื่องบินขับไล่เอฟ-35 ของอิสราเอล ทิ้งระเบิด 6 ลูก โจมตีอาคารกงสุล ในบริเวณสถานเอกอัครราชทูตอิหร่านประจำกรุงดามัสกัส เมืองหลวงของซีเรีย เมื่อวันที่ 1 เม.ย. ที่ผ่านมา ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตทั้งสิ้น 13 ราย ในจำนวนนี้ 7 รายเป็นชาวอิหร่าน และทั้งหมดเป็นเจ้าหน้าที่กองกำลังพิทักษ์ปฏิวัติอิหร่าน (ไออาร์จีซี) โดยผู้เสียชีวิตในจำนวนนี้ 2 ราย เป็นทหารยศนายพล


อย่างไรก็ตาม จนถึงตอนนี้ รัฐบาลและกองทัพอิสราเอลยังคงสงวนท่าทีต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา อิสราเอลแทบไม่เคยให้ความเห็นเกี่ยวกับการโจมตีลักษณะนี้ แต่กล่าวว่า อิสราเอลจะไม่มีทางปล่อยให้อิหร่านและกองกำลังฝักใฝ่อิหร่าน เข้ามาตั้งฐานที่มั่นและซ่องสุมอยู่ในซีเรีย.

เครดิตภาพ : AFP