เมื่อวันที่ 9 เม.ย. 2567 ที่รัฐสภา ในการประชุมวุฒิสภา ที่มีนายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานวุฒิสภา ทำหน้าที่ประธานการประชุม พิจารณารายงานการพัฒนาพรรคการเมืองและการสร้างพลเมืองในยุคดิจิทัล ปัญหาและแนวทางแก้ไข เสนอโดยคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การพัฒนาการเมือง และการมีส่วนร่วมของประชาชน วุฒิสภา

ผู้สื่อข่าวรายงานถึงสาระที่ได้รายงานต่อที่ประชุมวุฒิสภาตอนหนึ่ง ระบุว่า จากข้อมูลทั้งหมดที่ได้ศึกษาสรุปปัญหาและอุปสรรคในการใช้สื่อสังคมออนไลน์ในการพัฒนาการเมืองและการสร้างพลเมืองในยุคดิจิทัล 5 ประเด็น ได้แก่ 1.ความเป็นเจ้าของสื่อสังคมออนไลน์ที่อยู่ในต่างประเทศ ทำให้ประสานงานไม่ได้ 2.ความรู้ความเข้าใจของการใช้สื่อสังคมออนไลน์ของประชาชน ขาดความชำนาญและความเท่าทัน 3.สมรรถนะและความพร้อมของพรรคการเมืองไทย พรรคการเมืองที่มีความพร้อมได้เปรียบการเข้าถึงประชาชน 4.ประสิทธิภาพของหน่วยงานที่รับผิดชอบหลัก หรือ กกต. มีข้อจำกัดในเรื่องของกฎหมายที่ได้อ้างอิงถึง ซึ่งบุคลากรจะต้องมีการพัฒนา และ 5.ความไม่ทันสมัยของกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้อง พร้อมกับมีข้อเสนอให้ กกต. ปรับปรุงกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องให้เท่าทันกับการเลือกตั้งและหาเสียงยุคใหม่

โดย นายเสรี สุวรรณภานนท์ สว.ในฐานะประธาน กมธ.พัฒนาการเมืองฯ วุฒิสภา อภิปรายตอนหนึ่งว่า คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ในฐานะองค์กรที่เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้ง ต้องตื่นตัว เป็น กกต. ที่ทันสมัย เป็น กกต.ดิจิทัล รู้เท่าทันการใช้เทคโนโลยียุคใหม่ต้องสร้างกระบวนการเพื่อไม่ให้เกิดการเอารัดเอาเปรียบผ่านสื่อสังคมออนไลน์ ที่ผ่านมา กกต. มีกฎหมายที่ควบคุมการใช้เงิน การติดป้ายหาเสียง แต่ระบบโซเชียลไม่มีการควบคุม ทั้งที่คนที่ใช้โซเชียลใช้เงินมากกว่าการติดป้ายหาเสียง เมื่อไม่ควบคุมจึงทำให้เกิดการได้เปรียบเสียเปรียบ ขณะที่แต่ละพรรคการเมืองต้องตื่นตัว และนำคนรุ่นใหม่  ซึ่งทุกพรรคมีคนรุ่นใหม่ ไม่ใช่พรรคใดพรรคหนึ่งที่อ้างว่าเป็นพรรคของคนรุ่นใหม่เท่านั้น ดังนั้นต้องมีวิธีการ กกต.ต้องควบคุมและจัดการเพื่อไม่ให้เลือกตั้งไม่สุจริตหรือไม่เที่ยงธรรม

“หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องทำให้เกิดการพัฒนาการเลือกตั้ง และมีการเลือกที่เป็นตัวแทนของประชาชนที่แท้จริง ไม่ใช่ไม่มีใครรู้จัก แต่ใช้ไอโอ เอไอ ทำให้เป็นคนเก่ง คนดี ทั้งที่คนที่ทำคุณงามความดียาวนานไม่ได้รับเลือกตั้ง ผมขอฝากให้พิจารณาด้วยว่าการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศทำร้ายสังคม ทำลายบ้านเมือง สร้างเหตุการณ์ไม่ถูกต้อง ไม่ดีงาม ฝากไปยังรัฐบาล กระทรวงดีอีด้วยให้ควบคุมการเผยแพร่ข้อมูลผ่านดิจิทัลที่บิดเบือน จาบจ้วงสถาบันที่มีจำนวนมาก” นายเสรี กล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในการอภิปรายของ สว. ต่างแสดงความคิดเห็นอย่างกว้างขวาง และมีการชี้เฉพาะไปยังการใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่  เอไอ และ ไอโอเพื่อประโยชน์ในการเอาชนะเลือกตั้ง ทั้งนี้ นายกษิดิศ อาชวคุณ สว. อภิปรายโดยคาดหวังให้นักการเมืองที่มีแนวคิดรักชาติ รักบ้านเมือง เข้ามาบริหารประเทศ พร้อมฝากไปยังนักการเมืองให้รู้จักพอ คิดถึงประโยชน์ของประชาชน และประเทศชาติเป็นหลัก สำหรับผู้ร่ำรวย อาชีพใดก็ตาม เมื่อตายแล้ว บาทเดียวเอาไปไม่ได้

ขณะที่ นายอนุพร อรุณรัตน์ สว. อภิปรายสนับสนุนรายงาน พร้อมระบุว่าจากการติดตามการเลือกตั้งต่างประเทศและประเทศไทยเชื่อว่ามีการใช้ไอโอ และเอไอในการเลือกตั้งที่เกิดขึ้น โดยใช้เป็นฐานวางแผนหาเสียง ซื้อเสียง กลั่นแกล้งคู่แข่ง และจะปรากฏอย่างมากในอีก 1-2 เดือนข้างหน้า ทั้งกระบวนการตัดต่อภาพ คลิปและเสียง และทำลายความน่าเชื่อถือของผู้สมัคร สว. ที่อยู่ฝั่งตรงข้าม รวมถึงผู้มีสิทธิลงคะแนน รวมถึงเชื่อว่าจะใช้ไอโอคาดการณ์เพื่อซื้อเสียง ครอบงำ เพื่อหวังเอาชนะเลือกตั้ง กระจายเงิน สอดส่องความเคลื่อนไหวของผู้สมัครรับเลือกตั้ง ซึ่งตนเชื่อว่าจะเกิดขึ้นในเมืองไทยต่อไป นอกจากนั้นยังมีประเด็นการใช้บัญชีปลอมเพื่อปั่นกระแส บิดเบือนการรับรู้ของประชาชนด้วย

“เลือกตั้งอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า จะมีการเลือก สว. เชื่อว่าจะมีการสร้างข่าวลวง เพื่อทำลายคู่แข่ง ดังนั้นเจ้าหน้าที่ควรพิจารณารายงานของกรรมาธิการเพื่อประโยชน์ในการเลือกกันเองของ สว.ที่จะเกิดขึ้น” นายอนุพร กล่าว

ขณะที่ ว่าที่ ร.ต.วงศ์สยาม เพ็งพานิชภักดี สว. อภิปรายว่าในการเลือก สว.ที่จะเกิดขึ้น ซึ่งจะใช้รูปแบบของการเลือกกันเองและเลือกไขว้ ต้องมีมาตรการในการป้องกันที่จะเกิดขึ้น เช่น การโทรศัพท์ของคะแนน รวมถึงการใช้ไอโอ ปัจจุบันปัญหาที่เกิดขึ้นนั้นได้เห็นแล้ว ดังนั้นควรแก้ไขรัฐธรรมนูญ.