ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศการลงคะแนนเลือก ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ประจำปี 2567-2569 เป็นไปด้วยความเรียบร้อย มีกรรมการ ส.อ.ท. เข้าร่วมโหวตเลือกประธาน ส.อ.ท. จำนวน 343 คน จากทั้งสิ้น 366 คน โดยไร้นายสมโภชน์ อาหุนัย ที่ลงท้าชิง ประธาน ส.อ.ท.ก่อนหน้านี้
ที่ประชุมเลือก นายทวี ปิยะพัฒนา รองประธานสภาอุตสาหกรรมฯ เป็นประธานเปิดการประชุม และ นายวิวัฒน์ อัศวสิริเลิศ รองประธาน สภาอุตสาหกรรมฯ เป็นผู้เสนอชื่อ นายเกรียงไกร เธียรนุกุล เป็นแคนดิเดต ประธาน ส.อ.ท. โดยที่ไม่มีการเสนอชื่อคู่แข่ง จากนั้นประธานประชุมจึงเปิดให้กรรมการและสมาชิก ส.อ.ท. ได้ยกมือเพื่อให้การรับรอง นายเกรียงไกร จึงทำให้ นายเกรียงไกร ได้รับเลือกเป็นประธาน ส.อ.ท. ต่ออีก 1 สมัย ถือว่าเป็นมติเอกฉันท์

นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธาน ส.อ.ท. เปิดเผยว่า เตรียมเดินหน้านโยบายที่ใช้ขับเคลื่อน ส.อ.ท. ในวาระแรก คือ วัน เอฟทีไอ ต่อในวาระสองอีก 2 ปี ในวาระแรกได้เน้นการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมเดิม และขยายผลสู่เน็ก-เจน อินดัสทรี ใน 12 อุตสาหกรรมเป้าหมายใหม่หรืออุตสาหกรรมแห่งอนาคต ที่ขับเคลื่อนด้วยบีซีจี ที่เป็นทิศทางของโลกในปัจจุบัน และจะเน้นให้ความสำคัญกับการแก้ไขปัญหาให้กับเอสเอ็มอีอย่างจริงจัง โดยร่วมมือกับภาครัฐในการหามาตรการต่างๆ ที่จะช่วยผลักดันเอสเอ็มอีทั่วประเทศในการเปลี่ยนผ่านจากเอสเอ็มอีธรรมดาสู่สมาร์ต เอสเอ็มอี ซึ่ง 2 ปีที่ผ่านมาทำได้ส่วนหนึ่งแล้ว แต่จะเร่งดำเนินการให้แล้วเสร็จในอีก 2 ปีข้างหน้า
“ในระยะเร่งด่วนยอมรับว่าจะต้องหาแนวทางแก้ปัญหาสินค้าจากจีน หรือสินค้าที่ด้อยคุณภาพที่ทะลักเข้าไทยจำนวนมาก เนื่องจากมีผลกระทบต่อ 20 อุตสาหกรรมจากทั้งหมด 46 อุตสาหกรรม ทำให้แข่งขันทางด้านราคาไม่ได้ ทางสภาอุตสาหกรรมฯ จะเดินหน้าร่วมมือกับภาครัฐทั้งกระทรวงพาณิชย์ กรมศุลกากร หรือสำนักงานมาตรฐานอุตสาหกรรม เพื่อแก้ปัญหา เช่น ในการตรวจสอบสินค้าที่ลักลอบมาตามชายแดน มาตรการเชิงภาษี มาตรการตอบโต้ทุ่มตลาด และมาตรฐานของสินค้าให้มีคุณภาพ”
ทั้งนี้การเดินหน้าส่งเสริมเอสเอ็มอี มี 3 ประเด็น โก ดิจิทัล ล่าสุดได้สั่งการให้กลุ่มอุตสาหกรรมดิจิทัลของ ส.อ.ท. เตรียมแพ็กเกจโปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่สำคัญภายใต้โครงการดิจิทัล วัน ช่วยยกระดับเอสเอ็มอีทั่วประเทศ เช่น โปรแกรมด้านการผลิต ด้านการบัญชี และด้านการควบคุมต่างๆ ที่ช่วยลดต้นทุน เพิ่มประสิทธิภาพการผลิต และช่วยลดรายจ่ายรวบรวมแพ็กเกจที่สำคัญๆ ที่สมาชิก ส.อ.ท.จำเป็นต้องใช้ โดยทุกโปรแกรมจากแพ็กเกจหลักแสนจะลดเหลือเพียง 1,110 บาท, โก อินโนเวชั่น เป็นเอสเอ็มอี จิ๋วแต่แจ๋ว ด้วยนวัตกรรมซึ่งจะคล้ายกับเอสเอ็มอี ของไต้หวันและอิสราเอล ล่าสุด ส.อ.ท.ได้ร่วมกับกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.)
นอกจากนี้ยังมีโก โกลบอล จะผลักดันผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ให้สามารถผลิตและขายสินค้าไปต่างประเทศได้ในมาตรฐานที่ต่างประเทศยอมรับ หากเป็นเอสเอ็มอี ที่เป็นซัพพลายเชนของผู้ส่งออกต่างชาติที่มาตั้งฐานผลิตในไทย จะผลักดันให้ได้มาตรฐานสากล เพื่อยกระดับมาตรฐานตัวเองไปกับสินค้าต่างๆ
“ผมคิดว่าเป็นความท้าทายและจะมีการขับเคลื่อนอย่างเต็มสูบ เพื่อยกระดับมาตรฐานและขีดความสามารถในการแข่งขัน อะไรที่เราทำอยู่ เราจะทำต่อ และทำให้เกิดผล เราจะจับมือกับเอสเอ็มอี ภาครัฐและหน่วยงานพันธมิตรที่เกี่ยวข้อง เพื่อก้าวข้ามความท้าทายและอุปสรรคต่างๆ ไปด้วยกัน และเปลี่ยนผ่านอุตสาหกรรมไปสู่อุตสาหกรรมสีเขียวเพิ่มขึ้น เพื่อประเทศไทยที่เข้มแข็งกว่าเดิม”