น.ส.ทัศดา แสงมานะเจริญ ที่ปรึกษาอาวุโส ดีลอยท์ ประเทศไทย เปิดเผยว่า ดีลอยท์คาดการณ์ว่า ยอดขายชิป เจน เอไอ (Gen AI) จะสูงถึง 5 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 1.8 ล้านล้านบาท ภายในปี 2567 โดยคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 8.5% ของยอดขายเซมิคอนดักเตอร์ทั้งหมด ซึ่งการเติบโตนี้ ได้รับแรงหนุนจากความก้าวหน้าของเทคโนโลยีชิปที่สำคัญหลายประการ และ เจน เอไอ เริ่มมีบทบาทสำคัญมากขึ้นต่ออุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์และการพัฒนาชิป

“แม้จะมีการคาดการณ์ว่าปีนี้ ยอดขายชิป เจน เอไอ จะอยู่ในระดับสูง แต่การคำนึงถึงเชิงปริมาณก็เป็นสิ่งที่สำคัญ ซึ่งในปี 2565 มียอดขายชิปรวมกันกว่าล้านล้านชิ้น ในราคาเฉลี่ยต่อชิ้นเพียงประมาณครึ่งดอลลาร์สหรัฐ แต่สำหรับชิป เจน เอไอ กลับตรงกันข้าม ชิป เจนเอไอ อาจมีราคาสูงถึงชิ้นละ 40,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 1.4 ล้านบาท ซึ่งสูงกว่า 7 หมื่นเท่าของราคาเฉลี่ยของชิปทั้งหมด ดังนั้นยอดขายชิป เจน เอไอ ห้าหมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งคิดเป็นประมาณ 1.25 ล้านหน่วย เป็นเพียงสัดส่วนเล็กน้อย อยู่ที่ประมาณ 0.1% ของปริมาณชิปทั้งหมด ชี้ให้เห็นถึงความพิเศษของเซมิคอนดักเตอร์ที่มีความสามารถเฉพาะทางกลุ่มนี้ เมื่อเทียบกับชิปราคาที่ต่ำกว่าจำนวนมาก ที่นำมาใช้ในอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ในชีวิตประจำวัน”

อย่างไรก็ตาม สถานการณ์เซมิคอนดักเตอร์ในประเทศไทย ทางสำนักงานปลัดกระทรวงพาณิชย์ รายงานว่า อุปทานเซมิคอนดักเตอร์ของไทย ปรับตัวสูงขึ้นจากการนำเข้ากลุ่มแผงวงจรไฟฟ้า หรือ ไอซี เพิ่มขึ้นจาก 6.7 แสนล้านบาท ในปี 65 เป็น 6.8 แสนล้านบาท ในปี 66 หรือเพิ่มขึ้น 2% เมื่อเทียบกับในช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา การนำเข้าในปี 66 มาจากไต้หวัน เป็นหลักที่ 2.5 แสนล้านบาท รองลงมาเป็นญี่ปุ่น ที่ 7.3 หมื่นล้านบาท และจีนที่ 6.9 หมื่นล้านบาท โดยการนำเข้าทั้งหมดในเดือน ม.ค. 67 คิดเป็นมูลค่า 7.5 หมื่นล้านบาท ซึ่งเพิ่มสูงขึ้น 23 % เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา

สำหรับกลุ่มอุปกรณ์กึ่งตัวนำทรานซิสเตอร์ และไดโอด การนำเข้าเพิ่มขึ้นจาก 1 แสนล้านบาท ในปี 65 เป็นมูลค่า 1.2 แสนล้านบาท ในปี 66 หรือเพิ่มขึ้น 23% ซึ่งการนำเข้าในปี 66 มาจากจีนมากที่สุดที่ 6.4 หมื่นล้านบาท รองลงมาเป็นญี่ปุ่น ที่ 1.6 หมื่นล้านบาท และสหรัฐอเมริกา ที่ 1.1 หมื่นล้านบาท นอกจากนี้ การนำเข้าทั้งหมดในเดือน ม.ค. 67 มีมูลค่า 1 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 10% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา