นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.อุตสาหกรรม เปิดเผยถึงมาตรการเยียวยาประชาชนเหตุไฟไหม้โรงงานบริษัท หมิงตี้ เคมีคอล จำกัด ถนนกิ่งแก้ว ต.บางพลีใหญ่ อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ และแนวทางการป้องกันในอนาคตว่า ได้หารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อติดตามเหตุการณ์ไฟไหม้ 2 โรงงานได้แก่ โรงงานบริษัท หมิงตี้เคมีคอล จำกัด ซึ่งเป็นโรงงานผลิตโฟมและเม็ดพลาสติก ภายในซอยกิ่งแก้ว 21 อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ และเหตุการณ์ไฟไหม้ ณ บริษัท ฟลอรอลแมนูแฟคเจอริ่งกรุ๊ป ย่านลาดกระบัง เพื่อหาแนวทางป้องกันและมาตรการเยียวยา ซึ่งในส่วนของโรงงานหมิงตี้ฯ ทางกรมโรงงานอุตสาหกรรม (กรอ.) ได้สั่งปิดโรงงานชั่วคราวไปแล้ว และกระทรวงฯ ไม่มีนโยบายที่จะให้โรงงานหมิงตี้ฯ กลับมาดำเนินการในพื้นที่เดิมอีก เนื่องจากอยู่ใกล้บริเวณชุมชน ซึ่งหากจะกลับมาดำเนินการจะต้องเข้าไปสู่นิคมอุตสาหกรรมเท่านั้น และผ่านขั้นตอนตามกฎหมายอื่นๆ ที่กำหนดไว้

“เราชัดเจนว่าไม่มีนโยบายให้โรงงานหมิงตี้ฯ กลับมาก่อสร้างในพื้นที่เดิมเพื่อกลับมาผลิตอีกครั้ง หากจะทำต้องเปลี่ยนไปอยู่ในพื้นที่นิคมฯ เท่านั้นส่วนสิทธิประโยชน์อื่นๆ นั้นก็ให้เป็นไปตามเงื่อนไขของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) อยู่แล้ว” นายสุริยะ กล่าว

ส่วนความคืบหน้าส่วนของโรงงานหมิงตี้ฯ พบว่า คุณภาพอากาศอยู่ในระดับที่ปลอดภัยต่อระบบทางเดินหายใจของประชาชนโดยรอบ ด้านมลพิษในช่วง 3 วันที่ผ่านมา พบว่า พื้นที่บริเวณโดยรอบในระยะ 0–8 KM จำนวน 14 จุด มีค่าสารสไตรีนที่เกิดเผาไหม้ในอุบัติเหตุอยู่ในช่วง 0.42–0.83 ppm (ส่วนในล้านส่วน) ซึ่งไม่เกินมาตรฐานบรรยากาศตามที่กรมควบคุมมลพิษ (คพ.) กำหนด (20 ppm) ขณะที่คุณภาพน้ำ พบสารสไตรีนในน้ำจากการดับเพลิงที่อยู่ในบริเวณโรงงาน แต่ไม่พบสารสไตรีนปนเปื้อนในคลองปากน้ำและคลองประเวศบุรีรมย์หน้าวัดสังฆราช ซึ่งสารมลพิษไม่อยู่ในระดับก่อให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพ แต่ควรงดใช้น้ำคลองเพื่อการอุปโภคบริโภคในช่วงเวลานี้เป็นการชั่วคราว

นอกจากนี้ในส่วนของแนวทางเยียวยาประชาชนได้มอบหมายให้โรงงานหมิงตี้ฯดำเนินการ พ.ร.บ.โรงงาน ม. 39 วรรค 1 โดยจะมีการตั้งจุดรับข้อร้องทุกข์ 3 แห่ง ได้แก่ 1. หน้าโรงงานหมิงตี้ 2. สำนักงานตำรวจบางแก้ว และ 3.สำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดสมุทรปราการ ส่วนการกำจัดสารสไตรีนโมโนเมอร์ที่ยังเหลืออยู่ 600 ทาง ปตท.และ ดาว เคมีคอล จะเข้ามาช่วยในการเติมสารดีฮาร์เพื่อลดปฏิกิริยาทางเคมีให้มีความเสถียรและนำไปกำจัดอย่างถูกวิธีต่อไปโดยคาดว่าจะย้ายออกไปได้ใน 2-3 วันนี้

นายประกอบ วิวิธจินดา อธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม(กรอ.) กล่าวว่า ที่ผ่านมาโรงงานหมิงตี้ฯ ได้ก่อตั้งก่อนที่จะมีกฏหมายเรื่องสิ่งแวดล้อมทำให้ไม่อยู่ในเกณฑ์ทำรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) และโรงงานนี้ได้มีการขอขยายโรงงานเมื่อ พ.ค. 60 ในพื้นที่เดิม แต่ปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตให้ดีขึ้นมีกำลังผลิตสูงสุดเป็น 40,000 ตันต่อปี จากปี 60 อยู่ที่  36,000 ตันต่อปี และกรณีที่ระบุว่า พ.ร.บ.โรงงานที่ปรับปรุงใหม่จะยกเว้นการต่ออายุใบอนุญาตที่ทำให้การดูแลโรงงานอ่อนลงนั้นยืนยันว่า ไม่จริงแต่ตรงกันข้ามที่เข้มงวดขึ้นเพราะต้องประเมินตนเองด้วยและยังประเมินผลกระทบความเสี่ยงตามเงื่อนไข และโรงงานประเภทเดียวกันกับหมิงตี้ฯ ทั่วประเทศก็มีอีกเพียง 1 แห่งที่ระยองของไออาร์พีซีเท่านั้น

น.ส.ศุภราภรณ์ ลาภาธิการ หัวหน้าทนายความ บริษัท หลุยส์ คอนซัลติ้ง (ไทยแลนด์) ในฐานะตัวแทนบริษัท หมิงตี้ เคมีคอล กล่าวว่า บริษัท หมิ้งตี้ฯ จะดำเนินการประสานกับบริษัทประกัน เพื่อชดเชยค่าเสียหายให้กับผู้ที่ได้รับผลกระทบทั้งหมด โดยวันนี้ (8 ก.ค.) จะทราบว่า มีเอกสารอะไรบ้าง  ส่วนเรื่องมาตรการความปลอดภัย แผนป้องกันเหตุฉุกเฉินในบริษัทฯ นั้น บริษัทฯ มีแผนฉุกเฉินป้องกันไฟไหม้มีการซักซ้อมขั้นพื้นฐานในทุกปี