สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากนครดูไบ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ยูเออี) เมื่อวันที่ 13 เม.ย. โดยอ้างข้อมูลจากแหล่งข่าวระดับสูงทั้งในยูเออี บาห์เรน โอมาน ซาอุดีอาระเบีย และคูเวต ว่าทุกประเทศยังคงจับตาบรรยากาศตึงเครียดระหว่างอิหร่านกับอิสราเอลอย่างใกล้ชิด จากกรณีสถานเอกอัครราชทูตอิหร่านในซีเรีย ถูกโจมตีเมื่อต้นเดือนนี้ ส่งผลให้ทหารอิหร่านเสียชีวิต 7 นาย แม้ไม่มีการให้ความเห็นจากอิสราเอล แต่รัฐบาลเตหะรานมั่นใจว่า อิสราเอลเป็นผู้ลงมือ


อย่างไรก็ตาม ทุกประเทศในกลุ่มอ่าวอาหรับกำลังตั้งคำถามอีกครั้ง เกี่ยวกับข้อตกลงทางทหารร่วมกับรัฐบาลวอชิงตัน ที่เป็นการอนุญาตให้ทหารอเมริกันเข้ามาประจำการในแต่ละประเทศ เป็นจำนวนรวมกัน “ไม่ต่ำกว่า 40,000 นาย” ในปัจจุบัน


ทั้งนี้ เริ่มมีการประสานงานจากรัฐบาลของหลายประเทศในกลุ่มอาหรับไปยังสหรัฐ “ขอความร่วมมือ” ไม่ให้ใช้ฐานทัพในภูมิภาค เป็นฐานโจมตีอิหร่าน และทุกประเทศกำลังหาทาง “ป้องกัน” ไม่ให้สหรัฐใช้น่านฟ้าแถบนี้เป็นฐานปฏิบัติการโจมตีอิหร่าน หากเกิดกรณีอิหร่านโจมตีอิสราเอล ตอบโต้เหตุการณ์ในซีเรีย


ขณะที่แหล่งข่าวด้านความมั่นคงในสหรัฐกล่าวว่า ทำเนียบขาวคาดการณ์แผนการ 3 รูปแบบ ที่อิหร่านอาจใช้ตอบโต้อิสราเอล แบบแรก คือการที่อิหร่านเป็นฝ่ายโจมตีโดยตรงต่ออิสราเอล แบบที่สอง คือการใช้ “กลยุทธ์ตัวแทน” จากบรรดานักรบชีอะห์ในอิรัก กองกำลังฮูตีในเยเมน และกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ในเลบานอน หรืออย่างที่สาม คือเป็นการใช้ยุทธวิธีทั้งสองแบบร่วมกัน


นอกจากนี้ สหรัฐและอิสราเอลจับตา พร้อมทั้งเฝ้าระวัง แนวโน้มที่อิหร่านอาจก่อเหตุกับสถานเอกอัครราชทูตอิสราเอล และทหารอิสราเอล ซึ่งยังคงประจำการอยู่ในฉนวนกาซา และเขตเวสต์แบงก์.

เครดิตภาพ : GETTY IMAGES