ล่าสุด นายธรรมรัตน์ ประยูรสุข รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มธุรกิจโรงกลั่นและการค้านํ้ามัน บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) และประธานบริษัท บีเอสจีเอฟ จำกัด พร้อมด้วย แพทย์หญิงอัจฉรา นิธิอภิญญาสกุล อธิบดีกรมอนามัย ร่วมลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือในโครงการ “ไม่ทอดซํ้า” เพื่อสร้างมาตรฐานให้ผู้ประกอบการในการใช้นํ้ามันปรุงอาหารอย่างมีคุณภาพ ปลอดภัย คำนึงถึงสุขภาพผู้บริโภคและสิ่งแวดล้อม โดยมี นพ.อรรถพล แก้วสัมฤทธิ์ รองอธิบดีกรมอนามัย นางสุธิดา อุทะพันธุ์ ผู้อำนวยการสำนักสุขาภิบาลอาหารและนํ้า กรมอนามัย นางกลอยตา ณ ถลาง รักษาการรองกรรมการผู้จัดการใหญ่ งานบริหารความยั่งยืนและสื่อสารองค์กร และ นายนิพนธ์ เลิศทัศนีย์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานบริหารโครงการ วิศวกรรมและโลจิสติกส์ กลุ่มธุรกิจโรงกลั่นและการค้านํ้ามัน บริษัท บางจากฯ

เป็นการสร้างมาตรฐานให้ผู้ประกอบการในธุรกิจอาหาร “ไม่ใช้นํ้ามันทอดซํ้า” รวมทั้งสร้างทางเลือกในการบริโภคอาหารที่ปลอดภัยให้แก่ประชาชนจากผู้ขายอาหารที่ได้รับการการันตีมาตรฐานผ่านสัญลักษณ์การรับรองจากโครงการ ซึ่งออกให้กับผู้ประกอบการที่ไม่ใช้นํ้ามันทอดซํ้า และนำนํ้ามันปรุงอาหารใช้แล้วมาขายต่อเพื่อนำไปผลิตนํ้ามันเชื้อเพลิงอากาศยานยั่งยืน และยังมีเป้าหมายในการสร้างความตระหนักรู้ถึงผลเสียจากการใช้ “นํ้ามันทอดซํ้า” ให้แก่ผู้ประกอบการและประชาชนทั่วไป รวมถึงสร้างการมีส่วนร่วมจากทุกภาคส่วนอันจะสามารถขับเคลื่อนให้เกิดเศรษฐกิจหมุนเวียนเศรษฐกิจชีวภาพ และเศรษฐกิจสีเขียวของประเทศต่อไป

ไม่เพียงเท่านี้ โครงการดังกล่าวยังสามารถดึงเอานํ้ามันปรุงอาหารใช้แล้ว หรือ UCO ออกจากวงจรการฟอกสีนํ้ามันที่นำมาลวงขายให้ผู้บริโภคนำไปประกอบอาหาร และก่อให้เกิดความเสี่ยงในโรคมะเร็งและความดันโลหิตสูงจากการบริโภคนํ้ามันที่เสื่อมสภาพเนื่องจากมีสารประกอบที่เป็นอันตรายต่อร่างกาย ได้แก่ สารโพลาร์ และสารโพลีไซคลิก อะโรมาติก ไฮโดรคาร์บอน ทั้งนี้ นอกจากกระบวนการในการกำจัด UCO อย่างถูกวิธีจะช่วยลดผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมได้แล้ว ยังช่วยสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่ครัวเรือนด้วยการส่งต่อไปผลิตเป็นนํ้ามันอากาศยาน ซึ่งถือเป็นการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่าและยั่งยืนอีกด้วย

ขณะเดียวกัน บมจ.บางจาก คอร์ปอเรชั่น ได้เพิ่มจุดรับซื้อนํ้ามันปรุงอาหารใช้แล้วในสถานีบริการนํ้ามันบางจากเป็น 162 แห่งทั่วประเทศ ตั้งแต่วันที่ 16 เม.ย. นี้เป็นต้นไป โดยรับซื้อในราคากิโลกรัมละ 20 บาท ซึ่งราคาอาจมีการปรับขึ้นลงตามกลไกตลาดนํ้ามันพืช เพื่อให้ประชาชนมีส่วนร่วมรักษาสิ่งแวดล้อมโดยไม่ทิ้งนํ้ามันที่ใช้แล้วสู่พื้นที่สาธารณะ นำนํ้ามันปรุงอาหารใช้แล้ว มาจำหน่ายในโครงการ “ทอดไม่ทิ้ง” นำไปผลิตนํ้ามันเชื้อเพลิงอากาศยานยั่งยืน SAF.

ปิยาพัชร นนทะสี