จากสถานการณ์สู้รบระหว่างสหภาพแห่งชาติกะเหรี่ยง (KNU) นำกองกำลังฝ่ายต่อต้าน รวมทั้งกองทัพปลดปล่อยแห่งชาติกะเหรี่ยง (KNLA) องค์กรป้องกันแห่งชาติกะเหรี่ยง (KNDO) และกองกำลังประชาชน (PDFs) ต่อสู้แตกหักกับกองทัพเมียนมา อย่างดุเดือดและเข้มข้น จนทหารเมียนมาแตกทัพเสียฐานไปหลายจุด ขณะเดียวกัน มีผู้หนีภัยสงครามข้ามมาทางฝั่งแม่สอด จ.ตาก เพื่อรักษาตัวที่ รพ.แม่สอด จนทาง รพ. ต้องประกาศภาวะฉุกเฉิน นั้น

ด่วน! รพ.แม่สอด ประกาศภาวะฉุกเฉิน รับมือผู้บาดเจ็บเมียนมาข้ามรักษาฝั่งไทย

ล่าสุด เมื่อวันที่ 22 เม.ย. 67 นพ.รเมศ ว่องวิไลรัตน์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลแม่สอด ได้ประกาศแผนฉุกเฉินเป็นวันที่ 2 พร้อมระดมเจ้าหน้าที่ทีมแพทย์ พยาบาล และเจ้าหน้าที่สาธารณสุข เจ้าหน้าที่กู้ชีพกู้ภัย ให้การช่วยเหลือผู้ได้รับบาดเจ็บจากการสู้รบในพื้นที่จังหวัดเมียวดี ตรงข้ามพื้นที่ อ.แม่สอด จ.ตาก

โดยมีการลำเลียงส่งผู้ได้รับบาดเจ็บ ซึ่งมีทั้งผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัส และบาดเจ็บอาการสีเหลือง ส่วนใหญ่ถูกกระสุนปืน สะเก็ดระเบิด ตามแขน ขา และบางรายได้รับบาดเจ็บบริเวณท้อง เฉพาะค่ำคืนที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ให้การช่วยเหลือ 8 ราย และช่วงกลางวันก่อนหน้านี้อีก 8 ราย ทำให้มีการช่วยเหลือเพิ่มเป็นอีกจำนวน 16 ราย โดยจำนวนนี้ไม่รวมผู้ได้รับบาดเจ็บวานนี้ จำนวน 32 ราย

นพ.รเมศ เปิดเผยว่า ผู้ได้รับบาดเจ็บก่อนหน้านี้ ในจำนวน 32 ราย พบว่า สามารถเดินทางกลับบ้านได้แล้ว จำนวน 10 ราย และบางส่วนอาการดีขึ้น ได้มีการเคลื่อนย้ายไปรักษาที่โรงพยาบาลอำเภอใกล้เคียง เพื่อแบ่งเบาภาระเจ้าหน้าที่ทีมแพทย์ พยาบาล และเพื่อเป็นการรองรับสถานการณ์ ที่อาจจะมีผู้ได้รับบาดเจ็บเข้ารักษาเพิ่ม พร้อมเน้นย้ำการช่วยเหลือดังกล่าว ถือเป็นการตามหลักสิทธิมนุษยธรรม ซึ่งทางโรงพยาบาลแม่สอด ได้มีการประสานความร่วมมือกับโรงพยาบาลอำเภอใกล้เคียง ซึ่งยังมีการเตรียมแผนรองรับสถานการณ์อยู่

ขณะที่ ศูนย์สั่งการชายแดนไทย-เมียนมา จังหวัดตาก รายงานว่า วานนี้มีผู้หนีภัยความไม่สงบชาวเมียนมา เดินทางกลับด้วยความสมัครใจ ผ่านช่องทางปลอดภัย จำนวน 1,255 คน เนื่องจากวานนี้ สถานการณ์การสู้รบน้อยกว่าช่วงก่อนๆ ประกอบกับส่วนใหญ่ มีความเป็นห่วงที่บ้านเรือนที่อยู่อาศัย ทำให้ขณะนี้ คงเหลือผู้หนีภัยความไม่สงบชาวเมียนมา ในพื้นที่ปลอดภัยชั่วคราว จำนวน 3 แห่ง  แบ่งเป็นพื้นที่ อำเภอแม่สอด 2 แห่ง และอำเภออุ้มผาง อีก 1 แห่ง มีผู้หนีภัยความไม่สงบชาวเมียนมา รวมจำนวน 1,631 คน ซึ่งเจ้าหน้าที่ทางการไทย ยังคงให้การช่วยเหลือผู้หนีภัยความไม่สงบชาวเมียนมา ตามหลักสิทธิมนุษยชน

อย่างไรก็ตามในช่วงกลางดึกที่ผ่านมา พบว่ายังเกิดการสู้รบเกิดขึ้น ในพื้นที่จังหวัดเมียวดี โดยมีการใช้อาวุธหนัก ด้านเจ้าหน้าที่ทหารหน่วยเฉพาะกิจราชมนู กองกำลังนเรศวร ยังคงมีการระดมกำลังร่วมกับหน่วยงานด้านความมั่นคง ดูแลความปลอดภัยของราษฎรแนวชายแดน รักษาอธิปไตยและติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด.