สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงแบกแดด ประเทศอิรัก เมื่อวันที่ 23 เม.ย. ว่า ประธานาธิบดีเรเซป เทย์ยิป เออร์โดกัน ผู้นำตุรกี เยือนอิรักอย่างเป็นทางการ เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา โดยนับเป็นครั้งแรกตั้งแต่ปี 2554 ที่เออร์โดกันเดินทางมายังกรุงแบกแดด
ผู้นำตุรกีได้รับการต้อนรับจาก นายกรัฐมนตรี โมฮาเหม็ด เชีย อัล-ซูดานี และประธานาธิบดีอับเดล ลาตีฟ ราชิด ซึ่งเออร์โดกันกล่าวอย่างตรงไปตรงมา กับเจ้าหน้าที่ระดับสูงของอิรัก ว่าตุรกีคาดหวังความร่วมมือที่เพิ่มขึ้นจากรัฐบาลแบกแดด ในการต่อสู้กับกองกำลังพรรคคนงานเคอร์ดิสถาน (พีเคเค) และอิรักต้องยกระดับนโยบายความมั่นคง “ในการปราบปรามการก่อการร้ายทุกรูปแบบ”
ทั้งนี้ ตุรกีและประเทศตะวันตกอีกหลายแห่ง ขึ้นบัญชีดำพีเคเค ที่สู้รบกองทัพตุรกีมานานหลายทศวรรษ เพื่อการแบ่งแยกดินแดนบางส่วนทางตอนใต้ “เป็นกลุ่มก่อการร้าย” ปัจจุบัน พีเคเคมีฐานที่มั่นบางส่วนอยู่ทางเหนือของอิรัก แต่กองทัพตุรกีเข้ามาปักหลักในพื้นที่เช่นกัน และไม่ได้รับความเห็นชอบจากรัฐบาลแบกแดด ส่งผลให้ความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศตึงเครียดมาตลอด
Turkish President Erdogan:
— TRT World (@trtworld) April 22, 2024
– Cooperation in fight against terrorism is at top of our agenda
– I believe my visit & agreements just signed will constitute turning point in our relations
– We welcome declaration of PKK as a banned organisation in Iraq pic.twitter.com/sn6aLtg7xK
นอกจากนี้ ประเด็นเกี่ยวกับทรัพยากร ยังคงมีผลต่อความร่วมมือระดับทวิภาคีเช่นกัน ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา รัฐบาลแบกแดดไม่พอใจการที่ตุรกีก่อสร้างเขื่อนบนลุ่มน้ำไทกริสและยูเฟรติส ทำให้ปริมาณน้ำที่ไหลต่อมายังอิรักลดลง ส่งผลต่อภาคการเกษตรของประชาชนในท้องถิ่น ซึ่งเออร์โดกันให้คำมั่นว่า “จะแก้ไข” และในโอกาสการเยือนครั้งนี้ ผู้นำตุรกีและผู้นำอิรักลงนามร่วมกัน ในกรอบความร่วมมือเรื่องการบริหารจัดการน้ำ ครอบคลุมระยะเวลา 10 ปี
อีกด้านหนึ่ง รัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องของตุรกี อิรัก สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ยูเออี) และกาตาร์ ลงนามร่วมกันในบันทึกความเข้าใจ (เอ็มโอยู) เกี่ยวกับอภิมหาโครงการความร่วมมือมูลค่า 17,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 630,054 ล้านบาท) ก่อสร้างถนนและเส้นทางรถไฟระยะทาง 1,200 กิโลเมตร เชื่อมระหว่างกลุ่มประเทศอ่าวอาหรับกับตุรกี ผ่านทางอิรัก.
เครดิตภาพ : AFP