เมื่อวันที่ 23 เม.ย. รายการโหนกระแสวันนี้ พูดคุยปมปัญหาเพื่อนบ้าน มีเรื่องรุมทำร้ายกัน หลังฝ่ายหนึ่งตั้งโต๊ะกินเลี้ยงบนถนนหน้าบ้าน ถึงเวลาเพื่อนบ้านจะขับรถผ่านแต่โต๊ะขวาง ออกไม่ได้ มีการบีบแตร จนนำไปสู่การบาดหมาง จนลงไม้ลงมือกัน

คุณแสน ผู้ได้รับบาดเจ็บเล่าว่า บ้านละแวกนั้นเป็นเครือญาติดองๆ กันทั้งหมด ภรรยาของตนเป็นญาติกับบ้านหลังอื่นๆ ส่วนตนเป็นเขย และเป็นเพื่อนร่วมชั้นเรียนกับมิ้น น้องสาวของคนที่ทำร้ายตน วันเกิดเหตุ บ้านคู่กรณีมาตั้งโต๊ะกินกันหน้าบ้าน บนถนนสาธารณะหน้าบ้าน ซึ่งซอยมันแคบมาก เวลาจะขับรถออกไปข้างนอก มันขวาง รอบแรกๆ เขาก็เก็บโต๊ะหลบให้เราปกติ แต่วันนั้นเรามีธุระต้องออกไปนอกบ้านหลายครั้ง มาครั้งที่เกิดเรื่อง เขาไม่ขยับโต๊ะหลบแล้ว เราเลยบีบแตรให้เขาเก็บโต๊ะ เขามาขยับ แล้วก็ตะโกนด่าเรา แต่เราได้ยินไม่ชัด

คุณลิฟต์ ภรรยาของคุณแสน ยืนอยู่หน้าบ้านได้ยินเขาด่าแบบนั้น ก็เลยไปถามว่า ทำไมต้องด่าแบบนั้น คนจะเข้าจะออก แล้วพวกมึงมานั่งกินขวางทาง ทำไมไม่กินในบ้าน เขาก็เลยเข้ามาเอาเรื่อง จะทำร้ายคุณลิฟต์ คุณลิฟต์จึงโทรฯ ตามสามีให้กลับมา พอคุณแสนขับรถกลับมา ยังไม่ทันถึงจุดที่เขาตั้งโต๊ะกินเหล้ากัน กลุ่มของเขาก็ดักรอทำร้าย วิ่งมาถีบรถ แล้วกระชากประตูเปิด เข้าไปรุมทำร้ายแสนถึงในรถ 8-10 คน รุมทำร้ายจนอ่วม ลากตัวลงมารุมกระทืบ

คุณลิฟต์เห็นเหตุการณ์ ถ่ายคลิปเหตุการณ์เอาไว้ ตะโกนร้องเรียกให้คนในบ้านโทรฯ แจ้งตำรวจ ลูกน้อยเห็นพ่อโดนทำร้ายก็กรีดร้องเสียงน่าสงสาร สุดท้ายฝั่งคู่กรณีมีคนมาห้าม ลากออกไปกลับเข้าบ้าน

ด้าน มิ้น หนึ่งในฝ่ายคู่กรณี เล่าว่า เป็นวันเกิดหลานชาย จึงตั้งโต๊ะกินเหล้าในบ้าน เขาบอกเขาขับรถไปทำธุระ แต่เวลาเขาออกรถ จะออกตัวแรงเร็วมาก ซึ่งตรงที่เรานั่งกินอยู่ จะมีเด็กๆ วิ่งไปวิ่งมา เราก็ห่วงว่าเขาจะชนเด็ก รอบแรกเราก็คิดว่าไม่เป็นไร เขากลับเข้าบ้านมาก็ขับปกติ แต่พอจะออกตัวไปข้างนอกอีกรอบ ก็ออกตัวแรง เหยียบไม่สนใจใครเหมือนเดิม

จนมารอบท้ายๆ พี่ชายตนคือ มี่ ที่กินอยู่คนละบ้าน เห็นเขาขับรถกลับมา ก็วิ่งปรี่ไปหาเขา ส่วนเราก็วิ่งตามไป ไม่ได้คิดว่าจะมีเรื่องกัน เราไม่ได้ถ่ายคลิปไว้เพราะไม่คิดว่าจะตีกัน พี่ชายเรา พี่มี่ ไปถามเขาว่า มึงจะเบิ้ลรถทำไม ขับเร็วทำไม เด็กมันวิ่งเล่น สุดท้ายเขาก็กอดรัดต่อยกันตัวต่อตัว มิ้นเป็นคนเข้าไปพยายามแยกแสนกับมี่ออกจากกัน มิ้นยังโดนลูกหลงด้วยเลย แล้วมี่ก็ได้รับเจ็บเหมือนกัน ไปโรงพยาบาล หมอพยาบาลยังทำแผลให้อยู่เลย

ขณะที่ลิฟต์ บอกว่า ถ้ามี่มีแผลจริงๆ ก็เอาภาพมาดู เอารูปมาเปิดเลย แต่ทางฝั่งมิ้นและพ่อไม่ยอมเปิด บอกว่าเป็นหลักฐาน ไม่เอามาเปิดในนี้แน่นอน ส่วนตัวพี่มี่ตอนนี้ติดคุกอยู่ เพราะช่วงสงกรานต์ไปเมาแล้วขับ เป่าแอลกอฮอล์แล้วถูกจับ

สุดท้ายทั้งสองฝ่ายโต้ตอบกันไม่จบ และดุเดือดขึ้นเรื่อยๆ จนสุดท้ายทนายไพศาล สรุปสุดท้ายในแง่กฎหมายว่า เมื่อสองฝ่ายพูดข้อเท็จจริงไม่ตรงกัน แต่วิธีสืบมันไม่ยากเลย ฝ่ายหนึ่งมีคลิป มีหลักฐานหมด เสียงเด็กในคลิปก็พูด เด็กไม่โกหก เด็กพูดว่า “เขารุมพ่อทำไม” แล้วร่องรอยบาดแผลที่มันหนักขนาดนี้ มันยากเกินกว่าจะบอกว่าเป็นการสู้กันตัวต่อตัว จะมาบอกว่าสมัครใจวิวาท น่าจะไม่ใช่ มันเป็นการทำร้ายร่างกาย เป็นอาญา มีโทษจำคุก

แล้วบ้านที่ไปตั้งโต๊ะกินเหล้า กินเลี้ยงหน้าบ้าน บนถนน บนทางสาธารณะ อันนี้ทำไปทำไม มันทำไม่ได้ ไปสู้ที่ไหนก็แพ้ นี่คือสิ่งที่สังคมเขาตั้งคำถาม

ในฐานะทนายคนกลาง ฟังข้อเท็จจริงแล้ว เห็นว่าสองฝ่ายเป็นญาติกัน ก็อยากให้เจรจาตกลงกันดีๆ จ่ายค่าเสียหายอะไรก็ว่ากันไป เพราะดูทรงแล้ว ถ้าไปสู้กันในศาล ต้องยอมรับว่าพี่มี่อาจจะเสี่ยงโทษเยอะกว่า ถือว่าเป็นคำแนะนำ แต่จะไปแจ้งความ ยอมความ ดำเนินการยังไง ก็ตามแต่สองฝ่ายจะตัดสินใจ