สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานจากกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส เมื่อวันที่ 25 เม.ย. ว่า ประชากรเพนกวินจักรพรรดิ มีจำนวนลดลงอย่างน่าใจหาย หลังภาวะโลกร้อนทำลายที่อยู่อาศัยของพวกมัน แม้นกเหล่านี้จะพยายามปรับตัวเพื่ออยู่รอดก็ตาม
หน่วยงานสำรวจแอนตาร์กติกของสหราชอาณาจักร ระบุผลการศึกษาระดับน้ำแข็งในทะเล มีระดับต่ำที่สุดเป็นประวัติการณ์ เมื่อปี 2566 เป็นปีที่เลวร้ายมากที่สุดอันดับ 2 ของเหล่าเพนกวิน นับตั้งแต่เริ่มสังเกตการณ์ ในปี 2561
นายปีเตอร์ เฟรตเวลล์ ระบุว่า ความล้มเหลวในการขยายพันธุ์ครั้งยิ่งใหญ่เมื่อปี 2565 ส่งผลกระทบระยะยาวต่อประชากรเพนกวิน
เพนกวินจักรพรรดิมักผสมพันธุ์บนแผ่นน้ำแข็ง และลูก ๆ ของพวกมันจะฟักออกจากไข่ในช่วงฤดูหนาว ระหว่างปลายเดือน ก.ค. ถึง กลางเดือน ส.ค.
ลูกเพนกวินจะได้รับการเลี้ยงดูจนกระทั่งพวกมันมีขนที่กันน้ำได้ ทำให้พวกมันโตพอจะลงน้ำได้ประมาณเดือน ธ.ค. ก่อนที่ฤดูร้อนจะมาถึง แต่น้ำแข็งที่ละลายเร็วกว่าปกติ ทำให้ลูกเพนกวินเสี่ยงต่อการจมน้ำและหนาวจนตัวแข็ง
It’s a tough time to be an emperor penguin ????
— British Antarctic Survey ???? (@BAS_News) April 25, 2024
14 of the 66 colonies in Antarctica lost some or all of their chicks due to sea ice breakup in 2023.
But colonies some adapted! Here's the story of two colonies we followed from space ⬇️#WorldPenguinDay pic.twitter.com/Q3utZApbjG
อาณานิคมเพนกวิน 14 แห่ง จาก 66 แห่ง ซึ่งผลิตลูกนกได้ตั้งแต่หลายร้อยจนถึงหลายพันตัวใน 1 ปี ได้รับผลกระทบจากน้ำแข็งละลาย เมื่อต้นปี 2566 “ตัวเลขมีจำนวนที่สูง แต่มันไม่ใช่อัตราการตาย” เฟรตเวลล์ กล่าว
อย่างไรก็ดี เขากล่าวเพิ่มเติมว่าสถิติเมื่อปี 2566 ไม่ได้เลวร้ายอย่างที่ผู้เชี่ยวชาญกังวล เนื่องจากเมื่อปี 2565 มีอาณานิคมเพนกวินที่ได้รับผลกระทบถึง 19 แห่ง
การศึกษาเมื่อปีที่แล้วพบว่า ฝูงเพนกวินเคลื่อนตัวออกจากพื้นที่ที่ได้รับความเสียหาย เพื่อค้นหาภูเขาน้ำแข็งและหิ้งน้ำแข็งที่มั่นคงกว่าเดิม
เฟรตเวลล์ เตือนอีกว่า การเคลื่อนย้ายของเพนกวินเป็นสัญญาณที่น่ากังวล เพราะเพนกวินสามารถปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงได้ ‘แม้จะเป็นเพียงการแก้ปัญหาชั่วคราว’
“เพนกวินมีข้อจำกัดในการปรับตัว และมีไม่กี่ที่ที่พวกมันไปได้” เขากล่าวเสริม
อย่างไรก็ดี มนุษย์ต้องปรับตัวโดยการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ซึ่งส่งผลให้เกิดภาวะโลกร้อน เนื่องจากมันทำให้น้ำแข็งขั้วโลกละลาย ภัยคุกคามหลักที่เพนกวินกำลังเผชิญอยู่
เมื่อปี 2565 และ 2566 เป็นครั้งแรกที่น้ำแข็งในขั้วโลกเหลือน้อยกว่า 2 ล้านตารางกิโลเมตร นับตั้งแต่มีการบันทึกปริมาณน้ำแข็งโดยดาวเทียม ถือเป็นการลดลงกว่าร้อยละ 30 จากค่าเฉลี่ยระหว่างปี 2524 ถึง 2553
การศึกษาในปี 2563 พบว่ามีเพนกวินจักรพรรดิมากกว่า 1 ล้านคู่ มีอัตราการผสมพันธุ์ประมาณ 1 ใน 4
“หากสถานการณ์ยังคงย่ำแย่ยังคงในอีกหลายปี ประชากรเพนกวินจะค่อย ๆ ลดน้อยลง” เฟรตเวลล์ กล่าวทิ้งท้าย
นอกจากนั้นมีข้อสังเกตว่า หากอัตราการปล่อยก๊าซเรือนกระจกไม่ลดลงจากระดับปัจจุบัน ประชากรนกเพนกวินอาจลดลงถึงร้อยละ 99 ภายในสิ้นศตวรรษนี้.
เครดิตภาพ : GETTY IMAGES