เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 26 เม.ย. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง ให้การต้อนรับ เชค ฮาซีนา นายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐประชาชนบังกลาเทศ ซึ่งเดินทางเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการในฐานะแขกของรัฐบาล ระหว่างวันที่ 24-29 เม.ย. 2567 โดยนายกฯ นำนายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐประชาชนบังกลาเทศ ตรวจแถวกองทหารเกียรติยศผสม ที่บริเวณสนามหญ้า หน้าตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล 

จากนั้น นายกฯ และนายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐประชาชนบังกลาเทศ ถ่ายภาพร่วมกัน ที่บันไดโถงกลาง ตึกไทยคู่ฟ้า ก่อนที่นายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐประชาชนบังกลาเทศ ลงนามในสมุดเยี่ยม และชมของที่ระลึก ที่ห้องสีงาช้าง (ด้านนอก) ตึกไทยคู่ฟ้า

จากนั้นเวลา 12.00 น. ที่ตึกสันติไมตรี (หลังใน) ทำเนียบรัฐบาล นายเศรษฐา และ เชค ฮาซีนา (H.E. Sheikh Hasina) นายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐประชาชนบังกลาเทศ เป็นสักขีพยานในพิธีลงนามความตกลงร่วมกัน จำนวน 5 ฉบับ ดังนี้ 1.หนังสือประกาศเจตนารมณ์เริ่มการเจรจาจัดทำความตกลงการค้าเสรีไทย-บังกลาเทศ ระหว่างกระทรวงพาณิชย์ของไทยและบังกลาเทศ 

2.ความตกลงว่าด้วยการยกเว้นการตรวจลงตราสำหรับผู้ถือหนังสือเดินทางราชการระหว่างราชอาณาจักรไทย กับสาธารณรัฐประชาชนบังกลาเทศ 3.บันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านพลังงาน 4.บันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านการท่องเที่ยว และ 5.บันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือและความช่วยเหลือทางศุลกากร

ต่อมานายกรัฐมนตรีไทยและบังกลาเทศแถลงข่าวร่วมกัน โดยนายกฯ กล่าวว่า รู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้ให้การต้อนรับนายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐประชาชนบังกลาเทศและคณะ ในการเยือนไทยอย่างเป็นทางการครั้งแรก ประเทศไทยและบังกลาเทศต่างมีมิตรภาพอันยาวนานร่วมกันนับตั้งแต่ปี พ.ศ. 2515 (ค.ศ. 1972) รวมทั้งมีความสัมพันธ์ทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมร่วมกัน การเยือนฯ ครั้งนี้ จึงตอกย้ำถึงความมุ่งมั่นในการกระชับความสัมพันธ์ทวิภาคีให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้นผ่านการค้าและการลงทุน ความร่วมมือด้านการพัฒนา และการท่องเที่ยว ซึ่งทั้งสองฝ่ายได้หารือร่วมกันในประเด็นสำคัญ พร้อมย้ำความมุ่งมั่นที่จะสานต่อความร่วมมือ เพื่อผลประโยชน์ร่วมกันของทั้งสองประเทศ ด้านการค้า ทั้งสองฝ่ายยินดีกับปริมาณการค้าทวิภาคีมูลค่า 1.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยเชื่อมั่นว่า จะสามารถขยายความร่วมมือเพิ่มเติม เพื่อกระชับความร่วมมือทางเศรษฐกิจ รวมทั้งสนับสนุนให้บังกลาเทศส่งเสริมการลงทุน และมาตรการอำนวยความสะดวกในการประกอบธุรกิจ ซึ่งจะดึงดูดนักลงทุนไทย และอำนวยความสะดวกทางการค้าและการลงทุนได้มากขึ้น

นายกฯ ยังกล่าวยินดีที่ไทยและบังกลาเทศ ให้คำมั่นที่จะทำงานร่วมกันเพื่อนำไปสู่การบรรลุความตกลงการค้าเสรี FTA ไทย-บังกลาเทศ โดยเชื่อมั่นว่า หนังสือประกาศเจตนารมณ์ (Letter of Intent) ที่ลงนามในวันนี้ จะช่วยเร่งกระบวนการเจรจาได้ โดยในวันนี้มีการลงนามบันทึกความเข้าใจที่สำคัญ 3 ฉบับ และความตกลง 1 ฉบับ ได้แก่ 1.ความตกลงว่าด้วยการยกเว้นการตรวจลงตราสำหรับผู้ถือหนังสือเดินทางราชการ ซึ่งจะช่วยอำนวยความสะดวกในการเดินทางระหว่างเจ้าหน้าที่ไทยและบังกลาเทศมากขึ้น 2.บันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านพลังงาน ซึ่งจะช่วยให้เกิดศักยภาพที่แท้จริงจากความร่วมมือด้านพลังงาน 3.บันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือและความช่วยเหลือทางศุลกากร ที่จะนำไปสู่การควบคุมชายแดนและการต่อต้านการลักลอบขนของอย่างมีประสิทธิภาพ และ 4.บันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือในด้านการท่องเที่ยว ที่จะช่วยแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ ประสบการณ์ และแนวทางปฏิบัติที่ดีร่วมกัน

นายกฯ กล่าวต่อว่า ด้านการเกษตร ทั้งสองฝ่ายยังมุ่งหวังที่จะยกระดับความร่วมมือ โดยเฉพาะภาคอุตสาหกรรมฮาลาล และการแปรรูปอาหาร ด้านการท่องเที่ยวเชิงการแพทย์ ไทยมีบริการทางการแพทย์ที่เป็นเลิศ ในราคาที่เหมาะสมสำหรับชาวบังกลาเทศที่ต้องการเข้ารับการรักษาในไทย ด้านความร่วมมือทางการศึกษา ไทยเสนอความร่วมมือด้านอาชีวศึกษา ซึ่งรัฐบาลยินดีที่ได้เห็นความมุ่งมั่นร่วมกันในการส่งเสริมการศึกษาแบบบูรณาการการทำงานเพื่อการพัฒนาบุคลากรร่วมกัน

นายกฯ กล่าวอีกว่า ความร่วมมือภายใต้กรอบความริเริ่มแห่งอ่าวเบงกอล สำหรับความร่วมมือหลากหลายสาขาทางวิชาการและเศรษฐกิจ (BIMSTEC) ซึ่งไทยจะเป็นเจ้าภาพการประชุมในปลายปีนี้ และบังกลาเทศจะเป็นประธานคนต่อไป

พร้อมกันนี้ ไทยได้ชื่นชมบทบาทของบังกลาเทศ ในการให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมแก่ชาวโรฮีนจาผู้พลัดถิ่นนับตั้งแต่ปี พ.ศ. 2560 (ค.ศ. 2017) ซึ่งไทยให้การสนับสนุนความพยายามของบังกลาเทศมาโดยตลอด เพื่อบรรลุแนวทางแก้ไขอย่างยั่งยืนในประเด็นดังกล่าว 

ด้านนายกรัฐมนตรีบังกลาเทศได้ขอบคุณนายกรัฐมนตรีไทยที่ให้การต้อนรับอย่างอบอุ่น ไทยและบังกลาเทศมีความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นยาวนานสืบมาจากทั้งทางประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม ประเทศไทยถือเป็นหุ้นส่วนที่มีศักยภาพ โดยบังกลาเทศยินดีกับความร่วมมือเพื่อเพิ่มมูลค่าทางการค้าระหว่างกัน และหวังว่าตัวเลขจะเพิ่มขึ้นในอนาคต ในการนี้ นายกรัฐมนตรีบังกลาเทศได้ขอให้ฝ่ายไทยพิจารณาอำนวยความสะดวก (ease of doing business) การลงทุนสำหรับภาคเอกชนบังกลาเทศ ในตอนท้าย นายกรัฐมนตรีบังกลาเทศ กล่าวเชิญนายกรัฐมนตรีเดินทางเยือนบังกลาเทศเช่นกัน

ต่อมานายกฯ ไทย และนายกฯ บังกลาเทศ เยี่ยมชมนิทรรศการศิลปหัตถกรรมและหัตถศิลป์ ที่โถงกลาง ตึกสันติไมตรี ก่อนที่เวลา 12.30 น. นายกรัฐมนตรี เป็นเจ้าภาพเลี้ยงอาหารกลางวันเพื่อเป็นเกียรติแก่นายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐประชาชนบังกลาเทศ ที่ตึกสันติไมตรี (หลังนอก) ทำเนียบรัฐบาล

ต่อมาเวลา 11.20 น. นายกฯ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กและทวีตผ่าน X ระบุว่า เป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้ต้อนรับการเยือนไทยอย่างเป็นทางการ ของท่านนายกรัฐมนตรี H.E. Sheikh Hasina ครับ บังกลาเทศเป็นประเทศที่มีประชากรมากถึง 170 ล้านคน เป็นอันดับ 8 และมีเศรษฐกิจขนาดใหญ่อันดับที่ 35 ของโลก นอกจากนี้ ในปีที่ผ่านมา มีนักท่องเที่ยวมาไทยประมาณ 140,000 คน โดยเฉพาะกลุ่มที่มารับบริการทางการแพทย์ คาดว่าสร้างรายได้ให้แก่ประเทศไทยไม่ต่ำกว่าปีละ 1 พันล้านบาทเลย

ดังนั้น การเยือนประเทศไทยในครั้งนี้ ถือเป็นโอกาสดีที่ทั้งสองประเทศจะได้พัฒนาความร่วมมือทั้งในด้านการค้าการลงทุน และความเชื่อมโยง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเปิดเส้นทางเดินเรือระหว่างท่าเรือจิตตะกอง-ท่าเรือระนอง รวมถึง Medical Tourism และความสัมพันธ์ระดับประชาชน เพื่อกระชับความสัมพันธ์ระหว่างกันที่ยาวนานกว่าครึ่งศตวรรษให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น.