เมื่อวันที่ 27 เม.ย. น.ส.ปรานม สมวงศ์ องค์กร Protection International (PI) เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 26 เม.ย. ที่ผ่านมา นายธีรเนตร ไชยสุวรรณ ประธานขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม (พีมูฟ) และนายจำนงค์ หนูพันธ์ ที่ปรึกษาพีมูฟ 2 นักปกป้องสิทธิมนุษยชน พร้อมด้วยสมาชิกพีมูฟ และเจ้าหน้าที่จากองค์กรพีไอ ได้เดินทางเข้ายื่นหนังสือเพื่อขอรับความช่วยเหลือจากกองทุนยุติธรรม กระทรวงยุติธรรม ในกรณีที่ 2 นักป้องสิทธิมนุษยชนถูกรัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี แจ้งข้อกล่าวหาฝ่าฝืน พ.ร.บ.ชุมนุมฯ จากกรณีที่ชุมนุมเรียกร้องให้รัฐบาลเดินหน้าแก้ไขปัญหาที่ดินให้กับสมาชิกของของขบวนฯ โดยมีนายวิเชียร ไชยสอน ผอ.สำนักงานกองทุนยุติธรรมและเจ้าหน้าที่ของสำนักงานกองทุนยุติธรรม มารับหนังสือด้วยตนเอง 

น.ส.ปรานม กล่าวว่า เป็นเรื่องที่ร้ายแรงที่รัฐบาลนายเศรษฐา แจ้ง 7 ข้อกล่าวหาฝ่าฝืน พ.ร.บ.ชุมนุมฯ กับประธานพีมูฟและที่ปรึกษาเพราะที่ผ่านมา 14 ปี ทุกรัฐบาลรวมถึงรัฐบาลนี้ อ้างการเจรจากับพีมูฟมาโดยตลอดว่าเป็นการเจรจาที่สร้างกลไกในการปัญหาความเดือดร้อนให้กับประชาชนที่เป็นธรรม การฟ้องคดีโดยเฉพาะกับประธานพีมูฟแบบนี้เป็นการทำลายความชอบธรรมดังกล่าว ถ้ารัฐบาลนายเศรษฐาไม่อยากให้ถูกวิจารณ์ว่าเป็นรัฐบาลที่เป็นแค่กระบอกเสียงให้ชนชั้นนำและใช้กลไกในการจำกัดสิทธิ เสรีภาพของประชาชนในการพูด แสดงออกและชุมนุม ก็ต้องยุติการฟ้องคดีที่เป็นการดำเนินคดีเชิงยุทธศาสตร์เพื่อระงับการมีส่วนร่วมในกิจการสาธารณะ (SLAPP) เช่น 7 คดีนี้และคดีอื่นๆ กับนักปกป้องสิทธิฯและประชาชน แล้วไปแก้ปัญหาที่แท้จริงของประชาชนเรื่องป่าไม้ ที่ดินและความเหลื่อมล้ำ การมาฟ้องคดีแบบนี้บ่งบอกถึงความไม่จริงใจในการแก้ปัญหา และรัฐบาลขาดซึ่งความชอบธรรมในการเจรจาเพื่อแก้ปัญหา ในส่วนความคืบหน้าของคดีของ 2 นักปกป้องสิทธิมนุษยชนวันนี้ พนักงานอัยการได้เลื่อนนัดฟังคำสั่งจะรับฟ้องหรือไม่รับฟ้องสองนักปกป้องสิทธิมนุษยชนไปเป็นวันที่  26 ก.ค. 2567 เวลา 10.00 น. ณ สำนักงานอัยการพิเศษศาลแขวง 3

นายธีรเนตร กล่าวว่า เข้ายื่นขอรับความช่วยเหลือจากกองทุนยุติธรรม เพราะถูกแจ้งข้อกล่าวหาที่สถานีตำรวจนครบาลดุสิต ซึ่งการยื่นขอความช่วยเหลือจากกองทุนยุติธรรมในวันนี้เป็นการยื่นขอ 2 คน เพื่อเป็นการเข้าถึงสิทธิของเราเอง และนอกจากนั้น ตั้งใจมาดูเรื่องระบบของกองทุนยุติธรรม เพราะพี่น้องในพื้นที่ที่ทำงานร่วมกัน ก็ถูกฟ้องร้องดำเนินคดีทั่วประเทศ ดังนั้นหากเราเห็นว่ากระบวนการในการยื่นรับความช่วยเหลือของกองทุนยุติธรรมมีการติดขัดตรงส่วนไหน เราก็จะได้นำเข้าประชุมหารือในการแก้ปัญหาในส่วนของคณะอนุกรรมการด้านกฎหมายและกระบวนการยุติธรรมที่มี พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม เป็นประธานต่อไป ทั้งนี้ สิ่งที่เราต้องการ คือ การพัฒนาระบบที่ทุกคนสามารถเข้าถึงได้โดยไม่ถูกเลือกปฏิบัติ ซึ่งเบื้องต้นพีมูฟเราได้ผลักดันสมาชิกให้เข้าไปอยู่ในคณะอนุกรรมการอนุกรรมการให้ความช่วยเหลือหรืออนุกรรมการให้ความช่วยเหลือประจำจังหวัด จำนวน 15 จังหวัดนำร่อง จะมีผลตั้งแต่วันที่ 1 พ.ค. เป็นต้นไป 

“ที่ผ่านมา เมื่อพี่น้องเรามีปัญหาจะอยู่ในส่วนของการมีคดีกับรัฐจะโดนใช้ดุลพินิจว่า เมื่อมีคดีกับรัฐก็จะไม่ได้ใช้กองทุนยุติธรรม ดังนั้นจะต้องมีการพัฒนาระบบให้เข้าได้อย่างทั่วถึงทั้งประเทศมากขึ้น” นายธีรเนตร กล่าว 

ด้านนายจำนงค์ กล่าวว่า เราอยากให้กองทุนยุติธรรมช่วยเหลือประชาชนได้อย่างแท้จริง ซึ่งเริ่มเดิมทีนั้น คนที่จะขอรับความช่วยเหลือจากกองทุนยุติธรรมได้จะต้องติดคุกก่อน เราก็ต่อสู้ว่าเงินช่วยเหลือจะต้องช่วยประชาชนก่อนติดคุกที่จะต้องได้รับเงินเยียวยา ต้องสามารถใช้กองทุนได้ตั้งแต่ชั้นโรงพัก ชั้นอัยการ ต้องได้ทุกชั้นไม่ใช่ใช้หลังเข้าคุกแล้ว ซึ่งการมายื่นขอรับความช่วยเหลือในครั้งนี้ จึงเป็นอีกหนึ่งบททดสอบการทำงานของกองทุนยุติธรรม ที่เราจะพิสูจน์ให้เห็นว่า เราจะสามารถเข้าถึงกองทุนยุติธรรมได้จริงหรือเปล่า.