สำนักข่าวเอเอฟพี รายงานจากกรุงแบกแดด ประเทศอิรัก เมื่อวันที่ 28 เม.ย. ว่า ร่างกฎหมายฉบับก่อนหน้า เสนอให้มีการลงโทษผู้ที่มีความสัมพันธ์กับคนเพศเดียวกัน ซึ่งเป็นสิ่งที่นักรณรงค์หลายคนเรียกว่าเป็น “การยกระดับที่อันตราย”

การแก้ไขกฎหมายครั้งใหม่นี้ ช่วยให้ศาลอิรักสามารถตัดสินจำคุกบุคคลที่มีความสัมพันธ์ทางเพศกับคนเพศเดียวกัน ระหว่าง 10-15 ปี ตลอดจนกำหนดโทษจำคุกขั้นต่ำ 7 ปี สำหรับการส่งเสริมความสัมพันธ์เพศเดียวกัน และระวางโทษจำคุก 1-3 ปี สำหรับผู้ชายที่ “จงใจทำตัวเหมือนผู้หญิง”

ยิ่งไปกว่านั้น กฎหมายฉบับแก้ไขดังกล่าว ยังกำหนดให้การเปลี่ยนเพศสภาพที่ยึดตามความปรารถนา และความโน้มเอียงส่วนตัว “ถือเป็นอาชญากรรม” รวมถึงลงโทษคนข้ามเพศ และแพทย์ที่ดำเนินการผ่าตัดแปลงเพศ โดยมีโทษจำคุกสูงสุด 3 ปี

“กฎหมายข้างต้นทำหน้าที่เป็นมาตรการป้องกัน เพื่อปกป้องสังคมจากการกระทำดังกล่าว” นายราอิด อัล-มาลิกี สมาชิกสภานิติบัญญัติของอิรัก ผู้ผลักดันการแก้ไขกฎหมาย กล่าว

อย่างไรก็ตาม นายแมทธิว มิลเลอร์ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐ กล่าวว่า ทางกระทรวงมี “ความกังวลอย่างยิ่ง” เกี่ยวกับกฎหมายดังกล่าว ซึ่งคุกคามกลุ่มที่มีความเสี่ยงมากที่สุดในสังคมอิรัก และบ่อนทำลายความพยายามของรัฐบาลแบกแดด ในการปฏิรูปการเมืองและเศรษฐกิจของประเทศ

ด้านนางซาราห์ ซันบาร์ นักวิจัยอิรักจากองค์กรสิทธิมนุษยชน “ฮิวแมน ไรท์ส วอทช์” (เอชอาร์ดับเบิลยู) กล่าวว่า การเปลี่ยนแปลงกฎหมายครั้งใหม่นี้ เป็นทั้งการพัฒนาที่น่ากลัว และการโจมตีสิทธิมนุษยชน ซึ่งทางการอิรัก เลือกที่จะจัดระบบการเลือกปฏิบัติต่อกลุ่มคนเพศทางเลือก แทนการออกกฎหมายที่จะเป็นประโยชน์ต่อประชาชน เช่น การผ่านร่างกฎหมายความรุนแรงในครอบครัว หรือร่างกฎหมายคุ้มครองเด็ก.

เครดิตภาพ : GETTY IMAGES