เมื่อร่างกายของเราเริ่มมีปัญหาทางสุขภาพ สัญญาณเตือนอาจปรากฏในรูปแบบต่าง ๆ กับหลายอวัยวะ แม้กระทั่งอวัยวะที่คนไม่ค่อยให้ความสนใจมากนักอย่างเท้าทั้งสองข้าง

ผู้เชี่ยวชาญระบุว่า เท้าของคนเราสามารถบ่งชี้ระดับสุขภาพของเราได้อย่างไม่น่าเชื่อ และมี “สัญญาณเตือน” อยู่ 3 ประการที่เราไม่ควรมองข้ามและควรหมั่นสังเกตอยู่เสมอ

สัญญาณเตือนประการแรกคืออาการปวดเท้าที่หาสาเหตุไม่ได้ เช่น ความรู้สึกปวดราวกับว่าได้ออกเดินเท้ามาเป็นสิบ ๆ กิโลเมตรบนพื้นขรุขระ ทั้งที่เราไม่ได้ทำกิจกรรมใด ๆ ที่ใช้เท้ามากเป็นพิเศษ 

สัญญาณเตือนประการที่ 2 ก็คือแผลพุพองที่เท้าซึ่งรักษาอย่างไรก็ไม่ยอมหายสนิท

สำหรับสัญญาณเตือนประการที่ 3 ซึ่งเป็นประการสำคัญที่สุดก็คือสารเคราตินหรือชั้นผิวหนัง เล็บหรือขนที่เท้า อยู่ในลักษณะเปื่อยและหลุดออกมา เช่น เล็บเท้าที่มีลักษณะเปราะ หลุดง่าย

ถ้าหากมีอาการเหล่านี้ปรากฏที่เท้า นั่นคือสัญญาณเตือนว่าเราอาจกำลังป่วยเป็นโรคที่จัดอยู่ในประเภท “ฆาตกรเงียบ” ซึ่งหมายถึงโรคที่อาจทำให้เราเสียชีวิตได้โดยไม่รู้ตัว เพราะไม่มีอาการร้ายแรงใด ๆ บ่งบอกว่าเรากำลังป่วย โดยเกี่ยวข้องกับตัวการสำคัญคือ คอเลสเตอรอล

ถ้าหากในร่างกายของเรามีระดับคอเลสเตอรอลสูง ก็อาจพัฒนาไปสู่อาการป่วยเป็นโรคเกี่ยวกับหลอดเลือดแดงส่วนปลายอุดตัน (Peripheral Arterial Disease) หรือ PAD

ข้อมูลของระบบบริการสุขภาพถ้วนหน้าแห่งชาติอังกฤษ (NHS) ระบุว่า โรค PAD นี้มีสาเหตุจากคอเลสเตอรอลหรือไขมันสะสมและสารอื่น ๆ ที่อยู่ในเส้นเลือดที่หล่อเลี้ยงส่วนขาเข้าไปทำให้ผนังหลอดเลือดแคบลง ซึ่งส่งผลให้เลือดไหลลงไปหล่อเลี้ยงส่วนขาทั้งสองข้างได้น้อยลง 

ทางแก้สภาวะไขมันสะสมจนผนังหลอดเลือดแคบนี้ทำได้ด้วยการควบคุมอาหาร เลือกรับประทานแต่อาหารที่ดีต่อสุขภาพและพยายามลดน้ำหนักตัวให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม รวมถึงพยายามหลีกเลี่ยงการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์

แต่ถ้าหากยังมีอาการปวดที่ขาและเท้าเมื่อพยายามออกกำลังกาย ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อตรวจรักษาโดยละเอียดทันที ไม่ควรปล่อยทิ้งไว้

ที่มา : ladbible.com

เครดิตภาพ : GETTY IMAGES