เคยรู้สึกไหมว่า อุณหภูมิที่วัดได้ไม่เท่ากับความร้อนที่เรารู้สึกจริง ๆ บางทีอากาศอาจจะ 35-40 องศา แต่ทำไมกลับรู้สึกเหมือนใช้ชีวิตอยู่ในนรก เดินอยู่ท่ามกลางทะเลทราย ซึ่งสาเหตุหรือปัจจัยร่วมที่ทำให้รู้สึกเช่นนี้คือ ‘ดัชนีความร้อน’ นั่นเอง
Sustainable Daily ชวนไขข้อสงสัยและทำความรู้จักกันดัชนีดังกล่าวที่มีผลต่อความรู้สึกร้อน รวมถึงแนวทางในการรับมือกับการใช้ชีวิตท่ามกลางสภาพอากาศเดือดระอุเช่นนี้ ไปพร้อมกับนายธนะสิทธิ์ เอี่ยมอนันชัย รองอธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา
![](https://www.dailynews.co.th/wp-content/uploads/2024/05/0105-07.jpg)
‘ดัชนีความร้อน’ (Heat Index) เป็นค่าที่วัดจากทั้งอุณหภูมิและความชื้นในอากาศในแต่ละช่วงเวลาและพื้นที่ต่าง ๆ เพื่อบ่งบอกถึงอุณหภูมิที่คนเรารู้สึกได้ ณ ขณะนั้น (Apparent Temperature) ว่าร่างกายของเราจะรู้สึก ‘ร้อน’ แค่ไหน และอุณหภูมิที่ปรากฏในขณะนั้นเป็นเช่นไร โดยทั่วไป ดัชนีความร้อนจะสูงกว่าอุณหภูมิที่วัดได้จริงเสมอ ยิ่งความชื้นในอากาศสูง ร่างกายของเราจะระบายความร้อนได้ยากขึ้น เหงื่อก็จะระเหยได้ช้าลง ทำให้เรารู้สึกร้อนอบอ้าวกว่าปกติ ซึ่งอุณหภูมิที่วัดได้ด้วยเทอร์โมมิเตอร์นั้น บอกเราถึงอุณหภูมิของอากาศโดยรอบ แต่ไม่ได้บอกถึง ‘ความรู้สึก’ ของเราที่มีต่ออากาศ เนื่องจากร่างกายของเรามีกลไกในการรับรู้ความร้อนและเย็นที่ซับซ้อน อีกทั้งปัจจัยหลายอย่างที่ส่งผลต่อความรู้สึกของเรา ไม่ได้ขึ้นอยู่กับอุณหภูมิเพียงอย่างเดียว
ธนะสิทธิ์ ในฐานะรองอธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา ได้ชี้แจงถึงประเด็นดังกล่าวว่า อุณภูมิคือค่าที่บ่งชี้ถึงระดับพลังงานจลน์ของอนุภาคสสาร ตั้งแต่ดิน น้ำ อากาศ สิ่งของต่าง ๆ รวมถึงร่างกายของเราที่ล้วน ประกอบไปด้วยอนุภาคที่เคลื่อนที่ไปมา หากอนุภาคเคลื่อนที่เร็ว มีพลังงานมาก อุณหภูมิก็จะสูง หากเคลื่อนไหว ช้า พลังงานต่ำ อุณหภูมิก็จะต่ำตามไปด้วย ซึ่งการวัดค่าพลังงานจะสามารถออกมาเป็นตัวเลขในหน่วยต่าง ๆ ได้อย่างที่ทราบกัน อาทิ เซลเซียส ฟาเรนไฮต์ ฯลฯ ขณะที่ ความรู้สึกร้อน – เย็น เป็นเรื่องของ ‘การรับรู้’ ที่สมองตีความจากประสาทสัมผัสที่กำลังถูกกระตุ้นจากการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิ การถ่ายเท พลังงานระหว่างวัตถุที่มีอุณหภูมิแตกต่างจากร่างกาย ทำให้รู้สึกได้ถึงความร้อน – เย็น ทว่าความแตกต่างระหว่างอุณหภูมิของร่างกายกับอุณหภูมิอากาศ ไม่ใช่ปัจจัยเดียวที่มีผลต่อความรู้สึกร้อน – เย็น ‘ความชื้น’ ก็ถือเป็นหนึ่งปัจจัยสำคัญที่มีผลต่อความรู้สึกร้อนหรือเย็นได้เช่นกัน
![](https://www.dailynews.co.th/wp-content/uploads/2024/05/0105-06.jpg)
“โดยทั่วไป ในพื้นที่ที่มีความชื้นสูงจะทำให้ร่างกายรู้สึกร้อนกว่าพื้นที่ที่ความชื้นต่ำ หรืออากาศแห้ง แม้ว่าในช่วงเวลาดังกล่าวจะมีอุณหภูมิเท่ากัน”
สำหรับการพยากรณ์ค่าดัชนีความร้อนในประเทศไทย นายธนะสิทธิ์ ระบุว่า กรมอุตุนิยมวิทยาได้นำข้อมูลการพยากรณ์อุณหภูมิและความชื้นจากแบบจำลองพยากรณ์อากาศ เป็นระบบพยากรณ์สภาพอากาศแบบตัวเลข (TMD-WRF) มาวิเคราะห์ความถูกต้อง เพื่อนำไปคำนวณหาค่าดัชนีความร้อน และเผยแพร่ข้อมูลพยากรณ์ค่าดัชนีความร้อนล่วงหน้า 10 วัน ในช่วงเวลา 7.00 น., 10.00 น., 13.00 น., และ 16.00 น. ทางเว็บไซต์กลุ่มวิจัยและพัฒนาสารสนเทศอุตุนิยมวิทยา พร้อมแสดงผลเป็นภาพไล่ตามระดับการเตือนภัยจากความร้อนในพื้นที่ประเทศไทย เพื่อนำไปใช้ในการเตือนภัยที่จะเกิดขึ้นจากความร้อน และการเฝ้าระวังผลกระทบต่อสุขภาพเนื่องจากความรู้สึกร้อนของผู้ที่ต้องปฏิบัติงานอยู่ท่ามกลางความร้อนเป็นเวลานาน โดยความรุนแรงของดัชนีความร้อนมีอยู่ด้วยกัน 4 ระดับ คือ 1. ระดับเฝ้าระวัง (สีเขียว) 2. ระดับเตือนภัย (สีเหลือง) 3. ระดับอันตราย (สีส้ม) และ 4. ระดับอันตรายมาก (สีแดง)
![](https://www.dailynews.co.th/wp-content/uploads/2024/05/0105-08.jpg)
นอกจากนี้ นายธนะสิทธิ์ ยังได้แนะนำแนวทางในการดูตนเองช่วงหน้าร้อนเพื่อลดความเสี่ยงด้านสุขภาพจากความร้อน ด้วยการดื่มน้ำเปล่าให้บ่อย สวมเสื้อผ้าที่ระบายอากาศได้ดีและมีสีอ่อน สวมแว่นกันแดด สวมหมวกปีกกว้าง ทาครีมกันแดด หลีกเลี่ยงการทำกิจกรรมกลางแจ้งโดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงบ่ายหรือช่วงแดดจัด ตลอดจนเลือกรับประทานอาหารปรุงสุกใหม่ รวมถึงติดตามสถาการณ์ค่าดัชนีความร้อนจากกรมอุตุนิยมวิทยาอยู่เสมอ และสำคัญที่สุดคือการสังเกตเฝ้าระวังอาการจาก ‘โรคลมร้อน’ หรือ ‘ฮีทสโตรก’ (Heat Stroke) ซึ่งมีตั้งแต่ อุณหภูมิร่างกายแตะ 40 องศาเซลเซียส หรือสูงกว่า, สภาวะทางจิตหรือพฤติกรรมเปลี่ยนแปลง เช่น สับสน กระสับกระส่าย หงุดหงิด เพ้อ ชัก และโคม่า, หายใจเร็วและหัวใจเต้นเร็ว, ปวดศีรษะ, คลื่นไส้อาเจียน, ผิวหนังแดงร้อนและแห้ง ไปจนถึงขั้นหมดสติ และอาจถึงเสียชีวิตได้ ซึ่งหากพบผู้ป่วยโรคฮีทสโตรก ให้รีบปฐมพยาบาลและนำส่งโรงพยาบาลทันที
![](https://www.dailynews.co.th/wp-content/uploads/2024/05/0105-09.jpg)
ทั้งนี้ สำหรับฤดูร้อนของประเทศไทยในปี 2567 กรมอุตุนิยมวิทยาได้มีการคาดการณ์ว่าจะสิ้นสุดลงภายในสัปดาห์ที่ 3 ของเดือนพฤษภาคม โดยในสัปดาห์แรกของเดือนพฤษภาคมจะมีอุณหภูมิที่สูงแตะ 40 องศาเซลเซียสให้เห็นอยู่ หลังจากนั้นคาดว่าอากาศจะแปรปรวนเป็นอย่างมาก เนื่องจากมีลมตะวันตกเฉียงใต้เข้ามาปกคลุมทำให้มีฝนในช่วงบ่าย-ค่ำ จะส่งผลให้อุณภูมิค่อย ๆ ลดลง และคาดว่าในปีนี้ฤดูฝนของประเทศไทยจะเริ่มขึ้นที่สัปดาห์ที่ 4 ซึ่งเป็นสัปดาห์สุดท้ายของเดือนพฤษภาคม ซึ่งถือว่าช้ากว่าค่าเฉลี่ยตามปกติ 1 สัปดาห์
ข้อมูลเพิ่มเติมและภาพจาก : กรมอุตุนิยมวิทยา, กรมอนามัย
ปิยาพัชร นนทะสี
[email protected]