เมื่อวันที่ 3 ต.ค. นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำเครือข่ายขับไล่ประยุทธ์ ได้โพสต์ข้อความวิเคราะห์การเมืองโดยระบุว่า “หัวใจไม่หยุดเต้น” EP.50

ปิดยังไงก็ไม่มิดแล้วล่ะครับสำหรับรอยร้าวในกลุ่มอำนาจ 3 ป. พลันที่ พ.อ.สุชาติ จันทร์โชติกุล อดีตประธานยุทธศาสตร์ภาคใต้ของพรรคพลังประชารัฐ เพื่อนร่วมรุ่นนายทหารของพล.อ.ประยุทธ์ ออกมาประกาศจะชิ่งไปหาฉิ่ง หมายความว่าจะออกจากพรรคพลังประชารัฐไปอยู่กับพรรคการเมืองตั้งใหม่โดยอดีตปลัดกระทรวงมหาดไทยหมาด ๆ คือปลัดฉิ่ง

ที่จริงความเคลื่อนไหวของ พ.อ.สุชาติ ไม่เป็นประเด็นที่จะต้องมาวิเคราะห์อะไรกันมากมายหรอกครับ เพราะบทบาทของเจ้าตัวทั้งในพรรคและในรัฐบาลเบาบางมากอยู่แล้ว เพียงแต่เนื้อหาสาระบางช่วงบางตอนที่ พ.อ.สุชาติ ประกาศผ่านสื่อมวลชนมีแง่มุมที่น่าสนใจ โดยเฉพาะการยืนยันข้อเท็จจริงว่าปลัดฉิ่งตั้งพรรคการเมืองแน่ ๆ และจะสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรีในสมัยหน้าชัวร์ ๆ

ประเด็นก็คือว่าในวินาทีที่ปลัดฉิ่งยังคงดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวงมหาดไทย แล้วเป็นต่อเนื่องยาวนานจนเกษียณอายุราชการ ไปตั้งพรรคการเมืองได้ขนาดนี้ โดยรอดหูรอดตาผู้ยิ่งใหญ่ในรัฐบาล เป็นไปไม่ได้ คนเขารู้กันทั่ว คนการเมืองเขาพูดกันให้แซ่ด จะบอกว่าอยู่ ๆ คุณฉัตรชัย พรหมเลิศ ปลัดฉิ่ง ตั้งพรรคขึ้นมาเอง ไม่มีใครให้ทำ ไม่มีใครให้ท้าย ไม่มีคนเชื่อครับ

ที่ต้องตามดูต่อก็คือ ถ้ามีการปรับครม.ตามกระแสข่าวจริง แล้วปลัดฉิ่งไปนั่นเก้าอี้รัฐมนตรี คราวนี้ชัดยิ่งกว่าชัดนะครับว่า พรรคที่ตั้งขึ้นใหม่ใครมีใบสั่งให้ทำ

แม้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ จะเรียกประชุมแกนนำพรรคพลังประชารัฐทันทีที่มีข่าว พ.อ.สุชาติ และประกาศกลางวงประชุมว่าพลังประชารัฐยังอยู่ ประวิตรเป็นหัวหน้า ประยุทธ์ยังเป็นนายกฯ จะอยู่ด้วยกันจนกว่าจะตายจากกันไป แต่คำพูดทำนองแบบนี้ในประวัติศาสตร์การเมืองไทยมีมาให้เห็นนักต่อนักแล้วครับ เขาจับตาดูกันที่การกระทำมากกว่า และการตอกย้ำซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่ารักผูกพันไม่มีวันแยกจาก ไม่มีวันพรากสลายแบบนี้ เท่ากับเป็นการตอกย้ำสภาพความมีปัญหาภายในหรือไม่?

เกมนี้ต้องตามกันต่อ แต่เชื่อว่าดูกันไม่ยาวล่ะครับ เราจะเห็นเค้าลางความเปลี่ยนแปลงทางการเมืองในเร็ว ๆ นี้ อย่างน้อยที่สุดคือปรับ ครม. ซึ่งเชื่อว่าพล.อ.ประยุทธ์คงไม่ปรับเฉพาะ 2 เก้าอี้ที่เพิ่งถูกปลด เพราะถือเป็นการเหยียบหัวใจกันเกินไป โดยเฉพาะอย่างยิ่ง 2 เก้าอี้นั้นเป็นโควตาของพรรคพลังประชารัฐนะครับ ไม่ใช่โควตาตรงของนายกรัฐมนตรี ถ้าปรับเพียง 2 เก้าอี้ แล้วนายกฯ ริบ 2 โควตา คิดดูซิครับว่าอุณหภูมิจะเดือดขึ้นขนาดไหน

ดังนั้นเชื่อว่าจะมีการเล่นเก้าอี้ดนตรี ปรับมากกว่า 2 เก้าอี้ มีการเอาคนใหม่ ๆ เข้ามาทำหน้าที่ เกลี่ยโควตาให้ความสัมพันธ์ระหว่างอำนาจในพรรคพลังประชารัฐและในรัฐบาลยังคงกัดฟันประคองส่งขึ้นรถกันได้

แต่ในใจผมเชื่อว่าไม่สนุกกันแล้วล่ะครับ ก่อนหน้านี้ก็พูดกันนะครับว่ารัฐบาลจะอยู่ได้/ไม่ได้ ขึ้นอยู่กับท่าทีของพรรคร่วม แต่ขณะนี้ไม่แล้วครับ ขึ้นอยู่กับความสัมพันธ์ภายในของแกนนำรัฐบาลล้วน ๆ พรรคร่วมรัฐบาลหมอบราบคาบแก้ว ประชาธิปัตย์ขนาดว่างานในมือของคุณจุรินทร์ถูกดึงกลับเข้าไปอยู่ในมือของพล.อ.ประวิตร ก็ทำได้แค่หงุดหงิดกันในบ้าน มีแต่ขนมจีน น้ำยาหาไม่แล้วล่ะครับ

มีคนถามเหมือนกันนะครับว่าใครสั่งพ.อ.สุชาติออกมาเปิดประเด็นในห้วงเวลานี้ ส่วนตัวผมมองว่าคงไม่มีใครสั่งล่ะครับ ผู้การชาติคงปืนลั่น แต่ปืนที่ลั่นมันไปโดนหลายคนทั้งในพรรคและในรัฐบาลเข้าพอดี

การปรับครม.ถ้าจะเกิดขึ้น แม้นายกฯ จะอธิบายว่าเป็นการเปลี่ยนคนทำงาน สร้างความเชื่อมั่นในการแก้ปัญหา แต่ข้อเท็จจริงคงไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปจากนี้ เพราะเกือบ 8 ปี ภายใต้การนำของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ประชาชนสรุปไปแล้วว่าเป็นที่พึ่งที่หวังไม่ได้ ไม่เห็นอนาคตของประเทศไทย ดังนั้นครม.ชุดใหม่จึงเป็นการเข้ามาเพื่อรอเวลาเปลี่ยนแปลงไปสู่การเลือกตั้งอีกครั้งเท่านั้น

ซึ่งถ้าถึงวันนี้พล.อ.ประยุทธ์จะตัดสินใจตอบรับขันหมากของพรรคไหน จะเป็นแคนดิเดตของพลังประชารัฐ หรือเป็นแคนดิเดตของพรรคใหม่โดยปลัดฉิ่ง น่าดูชมนะครับ

พล.อ.ประวิตรไม่ถอยแน่ ๆ เพราะประกาศไปแล้วว่าจะดูแลพรรคแต่เพียงผู้เดียว ในการเลือกตั้งทุกอย่างเหมือนเดิมเต็ม ๆ ส่วนพรรคปลัดฉิ่งว่ากันว่ามีดีเป็นกลุ่มธุรกิจพลังงานเป็น Backup สนับสนุน

มองจากสายตาของคอการเมืองนะครับ ถ้าหากนี่เป็นการแยกทางกันเดินของ 3 ป. พลังประชารัฐในมือพล.อ.ประวิตร กับพรรคใหม่ในมือพล.อ.ประยุทธ์กับพล.อ.อนุพงษ์ ผมฟันธงว่าพลังประชารัฐก๊อกหัวจ่ายไหลคล่องตัวกว่า พล.อ.ประวิตรใจถึงกว่าน้อง 2 คน หลายช่วงตัวนะครับ ส.ส.ในพรรคพลังประชารัฐ เลยออกอาการคิดมากไงครับ มีปัญหาขัดแย้งกัน จะโดดไปกอดขานายกรัฐมนตรี แต่หันมาทางนี้พี่ใหญ่ใจป้ำเหลือเกินและใจป้ำตลอดมา

เรื่องกล้วยไม่ต้องห่วงนะครับ เขาอยู่กันมาเกือบ 8 ปี มีมหาศาลเต็มทุกสวน ปัญหาก็คือ มีก็ส่วนมี แต่ใครกล้าจ่ายมากกว่าเท่านั้นแหละครับ ซึ่งส.ส.พลังประชารัฐเขารู้กันนะครับว่า เจ้าบ้านมูลนิธิป่า 5 รอยต่อ ไม่เคยอั้น เท่าไหร่เท่ากัน ส่วนน้อง 2 คนนั้น โคตรกะปริดกะปรอย

นี่คือข้อเท็จจริงทางการเมืองวันนี้

นี่คือกลเกมที่เขากำลังเดินกันอยู่

นี่คือเรื่องกล้วย ๆ ที่ไม่ได้หมายถึงผลไม้

คำถามข้อใหญ่ก็คือบรรดากองเชียร์พล.อ.ประยุทธ์ กองเชียร์คสช.ทั้งหลาย ที่เคยเรียกร้องการปฏิรูปการเมืองก่อนการเลือกตั้ง ที่เคยเรียกร้องการเมืองใสสะอาด ไม่มีวิธีการเมืองแบบเก่า ๆ ท่านเห็นภาพแบบนี้แล้วคิดยังไง?

นี่ใช่การปฏิรูปก่อนการเลือกตั้งที่ท่านต้องการหรือไม่?

นี่ใช่วิถีทางการเมืองที่บริสุทธ์โปร่งใสไม่น่ารังเกียจอย่างนักการเมืองทั่ว ๆ ไปที่เคยถูกเหยียบย่ำจากอำนาจคสช. จากพล.อ.ประยุทธ์ หรือเปล่า?

หรือในที่สุดทั้ง 3 ป. และองคาพยพ ต่างก็เป็นนักการเมืองที่ลอกคราบจากผู้มีอำนาจในกองทัพเข้ามา แล้วใช้วิธีทางการเมืองที่ล้าหลังสกปรกยิ่งกว่าเพื่อรักษาอำนาจเท่านั้น

ใครมีคำตอบและอธิบายได้ว่าเรื่องที่กำลังเป็นอยู่นี้คือการเมืองแบบปฏิรูปที่สังคมไทยต้องการ ขอให้แสดงตัวมานะครับ ผมเชื่อว่างานนี้มีกองเชียร์ลุงตู่ผิดหวังกันเยอะ แต่สำหรับผม ไม่ครับ เพราะไม่เคยหวังมาเลยแม้แต่วินาทีเดียว

ส่วนบรรยากาศการลงพื้นที่ของนายกรัฐมนตรีแล้วมีการแสดงพลังขับไล่ของประชาชนในหลาย ๆ พื้นที่ นี่ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่นะครับ แต่นี่เป็นเรื่องความทุกข์ยาก ความกดดันอัดอั้นที่อยู่ในใจผู้คนมาตลอดแล้วมันกำลังระเบิดออกมา เรื่องความสงบจบที่ลุงตู่เป็นเพียงโฆษณาชวนเชื่อเท่านั้น เพราะโดยข้อเท็จจริงบ้านเมืองมันจะสงบได้ยังไงในเมื่อคนที่อ้างตัวว่าเป็นกรรมการกลับกลายเป็นคู่ขัดแย้งเสียเองตั้งแต่ต้น

แน่นอนที่สุดว่า พล.อ.ประยุทธ์และเครือข่ายอำนาจที่อยู่เบื้องหลังต้องการที่จะลากถูลู่ถูกังรัฐบาลให้อยู่ในอำนาจได้นานที่สุด แต่ปรากฏการณ์ต่าง ๆ ทั้งภายนอกและภายในล้วนแต่เป็นตัวชี้วัดว่า การเปลี่ยนแปลงอาจจะเกิดขึ้นในช่วงไหนก็ได้หลังจากนี้

สภาฯ เปิดการพิจารณากฎหมายแต่ละฉบับ มือแต่ละมือของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรมีความหมายและมีราคา ความขัดแย้งภายในถ้ามีการปรับครม. แล้วภาพมันชัดว่าพรรคปลัดฉิ่งใครสั่งมา ก็มีแต่จะขยายความขัดแย้งออกไป

สถานการณ์โควิด-19 ซึ่งแม้ว่าจำนวนผู้ติดเชื้อจะทยอยลดลงได้จริง แต่ปัญหาที่หนักหนาและซับซ้อนยิ่งกว่าคือวิกฤติเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นจากวิกฤติโรคระบาด วิกฤติโควิดหัวใจมันอยู่ที่วัคซีนครับ ถ้ารัฐบาลไทยจัดการวัคซีนได้เพียงพอ ทันท่วงที มีประสิทธิภาพ เราไม่บาดเจ็บล้มตายเสียหายเลยเถิดกันจนถึงขนาดนี้ แต่วิกฤติเศรษฐกิจมันไม่มีวัคซีนตัวใดตัวหนึ่งโดยเฉพาะ ต้องการผู้นำที่มีวิสัยทัศน์ มีความสามารถ มีวิธีการทำงานที่ชัดเจนเป็นรูปธรรมแก้ปัญหาได้จริง ซึ่งสิ่งเหล่านี้ไม่พบเห็นในตัว พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา

ความทุกข์ยากเจ็บปวด ความไม่พอใจของประชาชนก็จะไม่สลายหายไป เสียงเรียกร้องความเปลี่ยนแปลงก็จะยิ่งดังขึ้น ๆ ที่พูดมาทั้งหมดไม่ได้แช่งนะครับ แต่มันจะเป็นอย่างนี้แน่ ๆ ข้อเท็จจริงมันยืนยันและเรียงกันเป็นลำดับมา

ฝ่ายค้านก็ตั้งหลักกันดี ๆ นะครับ อย่าเพิ่งรีบซัดกันเองจนช้ำกว่ารัฐบาลเสียล่ะ!