จากนี้ไป “เสี่ยนิด” เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ต้องเร่งสปีดทำงานแบบเต็มสูบ เอาเวลาไปทำงานในตำแหน่งนายกรัฐมนตรีได้อย่างเต็มตัว เพราะตอนนี้มี “ขุนคลังป้ายแดง” พิชัย ชุณหวชิร  รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง มาแบ่งเบาภาระงาน โดยเฉพาะโจทย์ใหญ่ นโยบาย “เรือธง” รัฐบาล “ดิจิทัลวอลเล็ต” 

ซึ่งโฉมหน้า ครม. “เศรษฐา 1/2” ในสัดส่วนของพรรคเพื่อไทยนั้น สะท้อนปรากฏการณ์ชัดเจนว่า “นายใหญ่” ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เจ้าของพรรคเพื่อไทยและผู้จัดการรัฐบาลตัวจริง  ได้ปรับกลยุทธ์ให้ความสำคัญกับ “คนรุ่นใหม่”  ไฟเขียวให้เข้ามานั่งเก้าอี้เสนาบดีป้ายแดง ทั้ง “น้ำ” จิราพร สินธุไพร รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี  รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย วัย 37 ปี  “อ๊อฟ” เผ่าภูมิ โรจนสกุล รมช.คลัง วัย 41 ปี ที่เข้ามาเบียด “นักการเมืองอาชีพ” ที่โดนเด้งออกไปอย่าง นายชลน่าน ศรีแก้ว อดีต รมว.สาธารณสุข  “เจ๊แจ๋น” พวงเพ็ชร  ชุนละเอียด อดีต รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี  นายไชยา พรหมา อดีตรมช.เกษตรฯ  แม้แต่ “เสี่ยเบี้ยว” เกรียง กัลป์ตินันท์ ก็หวุดหวิดตกขบวน แต่ได้อานิสงส์ของ “เจ้าแม่วังบัวบาน” เยาวภา วงศ์สวัสดิ์  จึงกอดเก้าอี้ “มท.4” ได้แบบฉิวเฉียด

ซึ่งก็ต้องมาดูว่า บรรดาผู้ที่ตกขบวนเก้าอี้รัฐมนตรี จะมีที่ยืนในพรรคเพื่อไทยต่อหรือไม่  แต่ที่แน่ๆ วันนี้ “พรรคเพื่อไทย” ไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว?

เริ่มจากรอยร้าวอาฟเตอร์ช็อกของ  “ดร.ตั๊ก” ปานปรีย์ พหิทธานุกร ที่ยื่นใบลาออกจาก รมว.การต่างประเทศ ทันทีที่ถูกปรับออกจาก “รองนายกรัฐมนตรี” โดยไม่มีการแจ้งล่วงหน้า มีเพียงแค่การไลน์ จาก “เสี่ยนิด” บอกเพียงแค่ว่า “จะมีการปรับ ครม.” เท่านั้น โดยไม่มีการบอกถึงเหตุผลการปรับพ้นเก้าอี้รองนายกรัฐมนตรี  และเมื่อขอโทษ “เสี่ยนิด” ก็ทำได้แค่การส่งข้อความทางไลน์เช่นกันแสดงให้เห็นว่า “ผู้มีอำนาจ” ไม่ได้แคร์ คนดี มีฝีมือ ตั้งใจทำงาน ซึ่งคนในสังคมและต่างประเทศ ให้การยอมรับค่อนข้างสูง อย่าง “ดร.ปานปรีย์” แต่ใช้เพียงอำนาจตาม อำเภอใจ เท่านั้น แถมยังส่ง “ลูกหาบ…หางแถว” มาไล่ตะเพิดแบบไม่ไยดี ไม่ถนอมน้ำใจคนทำงานให้พรรคเพื่อไทย สายตรง “จันทร์ส่องหล้า”  มาเกือบ 20 ปี  

ส่วน “หมอชลน่าน”  สส.น่าน 6 สมัย  ก็ต้องลุ้นว่าจะกลับคืนเวทีสภา จะมีพื้นที่ให้อย่างสมเกียรติหรือไม่ ในฐานะอดีตหัวหน้าพรรค ที่เคยเจ็บตัว เป็น “หนังหน้าไฟ” ตอนจับมือพลิกขั้วกับ “2 ลุง” เพราะมีแรงกระเพื่อมจากกลุ่มคนเสื้อแดง อย่าง นพ.เชิดชัย ตันติศิรินทร์ ผู้ช่วย รมว.สธ. และแกนนำคนเสื้อแดงภาคอีสาน แนะ “เศรษฐา” ฟังเสียงสมาชิกพรรคในฐานะ สส.ที่ยกมือให้กับรัฐบาลด้วย หรือแม้แต่ ลมใต้ปีก อย่าง “หมอก้อย”  พญ.นวลสกุล บำรุงพงษ์ ภริยาหมอชลน่าน ก็แสดงความไม่พอใจที่ถูกปรับออก โดยเคลื่อนไหวผ่านเพจเฟซบุ๊กหมอชลน่าน FC ไม่มีดราม่า สื่อสารผ่านบทกลอน “ชลน่านพลีชีพ โดดเดี่ยวโดนกระทืบ”

หรือแม้แต่ “เจ๊แจ๋น” พวงเพ็ชร หลุดแล้วก็หลุดต่อ เพราะก่อนหน้านี้มีกระแสข่าวว่าจะมาเป็น “ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี” แต่จนถึงขณะนี้ไร้สัญญาณตอบรับจาก “เบอร์ 1 ไทยคู่ฟ้า” แม้แต่ในพรรคเพื่อไทยก็ถูดถอดจาก “มาดามนครบาล” เพราะช่วงสงกรานต์ “นายใหญ่” จัดทัพเมืองหลวง ดัน “อุ๊งอิ๊ง” แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรค ขึ้นแท่น  “เจ้าแม่นครบาล” คนใหม่ มาคุมสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร (สก.) เป็นการเตรียมวางยุทธศาสตร์สู้ในสมรภูมิเมืองหลวงที่ต้องใช้ “คนรุ่นใหม่” มาสู้กับ “กระแส” ที่ไม่ใช่ “กระสุน”เหมือนที่ผ่านๆ มา

ดังนั้นในการปรับ ครม.ครั้งล่าสุด  ถ้า “ทักษิณ” ไม่สามารถบาลานซ์กลุ่ม “คนรุ่นใหม่”  กับ  “คนรุ่นเก่า” ในพรรคเพื่อไทยได้ ก็เสี่ยงที่จะเกิด “คลื่นใต้น้ำ” ตามมาอีกเป็นระลอกๆ.