เมื่อวันที่ 3 พ.ค. ที่กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส.) พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วย ผบ.ตร., พล.ต.ท.คีรีศักดิ์ ตันตินวะชัย ผบช.ปส., พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ เลขาธิการ ป.ป.ส. พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ร่วมแถลงผลการปิดล้อมตรวจค้นเครือข่ายยาเสพติดรายสำคัญทั่วประเทศในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ซึ่งเป็นช่วงที่ผู้ค้ายามักจะฉวยโอกาสที่เจ้าหน้าที่ต้องดูแลประชาชนเป็นหลักไปลำเลียงยาเสพติดเข้าพื้นที่ชั้นในของประเทศ

พล.ต.ท.สำราญ เปิดเผยว่า บช.ภ.1-9, บช.น., บช.ปส., ป.ป.ส. ได้ร่วมบูรณาการปิดล้อมตรวจค้นเครือข่ายยาเสพติดทั่วประเทศกว่า 300 เครือข่าย 703 เป้าหมายทั่วประเทศ ผลปฏิบัติการสามารถจับกุมคดียาเสพติดได้ 421 คดี ผู้ต้องหา 465 คน ตรวจยึดของกลางยาบ้า 11,800,000 เม็ด ไอซ์ 936 กก. เคตามีน และยาเสพติดอื่นๆ จำนวนมาก ตรวจยึดอายัดทรัพย์สิน เช่น เงินสด อาวุธปืนและเครื่องกระสุน ทองรูปพรรณ รถยนต์ รวมทั้งหมดกว่า 1,520 รายการ มูลค่ารวมกว่า 369 ล้านบาท ซึ่งจากการร่วมปฏิบัติการในทุกมิติทั้งปราบปรามและสกัดกั้น ตั้งแต่การสกัดกั้นยาเสพติดตามแนวชายแดน จับกุมผู้ค้ารายย่อยในชุมชน และนำผู้เสพเข้าบำบัด รวมทั้งบังคับใช้กฎหมายฟอกเงินและมาตรการยึดทรัพย์ ทำให้มีสถิติผลปฏิบัติการเพิ่มมากขึ้นกว่าเช่นเดียวกันปีที่ผ่านมาอย่างเห็นได้ชัด

พล.ต.ท.คีรีศักดิ์ กล่าวว่า ในจำนวนนี้มีปฏิบัติการสำคัญของ บช.ปส. ที่สามารถจับกุมเครือข่ายรายใหญ่ได้ทั้งหมด 8 เครือข่าย เป็นเครือข่ายที่มียาบ้ามากกว่า 2 ล้านเม็ดมากถึง 6 เครือข่าย จับกุมผู้ต้องหาได้ทั้งหมด 22 คน ตรวจยึดยาบ้า 32 ล้านเม็ด ไอซ์ 4.5 กก. และทรัพย์สินอื่นๆ รวมมูลค่าประมาณ 5,600,000 บาท คาดว่าจะสามารถขยายผลยึดทรัพย์ได้เพิ่มเติมอีกถึงกว่า 50 ล้านบาท พร้อมยืนยันว่า การสกัดกั้นจับกุมยาเสพติดทั้งรายย่อยและรายใหญ่ในแต่ละพื้นที่มากขึ้น จะส่งผลให้การลำเลียงยาเสพติดทำได้ยากขึ้น นำไปสู่การลดความต้องการซื้อและขาย และลดปัญหาการแพร่ระบาดยาเสพติดในชุมชนได้ จึงคาดว่าจะสามารถลดความต้องการขายลงได้ภายใน 2-3 ปีนี้

พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ กล่าวว่า จากการประกาศนโยบายซีลพื้นที่ชายแดนตั้งแต่วันที่ 1 ธ.ค. 66 จนถึงปัจจุบันสามารถจับกุม สกัดกั้น และตรวจยึดยาเสพติดที่ลักลอบลำเลียงเข้ามาตามชายแดนได้เพิ่มมากขึ้นถึง 1 เท่าตัว และเร็วๆ นี้จะขออนุมัติบอร์ด ป.ป.ส. เพิ่มพื้นที่ซีลชายแดน ในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคเหนือ เช่น จ.ตาก แม่ฮ่องสอน น่าน พะเยา เลย บึงกาฬ หนองคาย มุกดาหาร อำนาจเจริญ อุบลราชธานี เพื่อสกัดกั้นไม่ให้ยาเสพติดทะลักเข้ามาในประเทศไทยมากขึ้น และต้องดำเนินการควบคู่ไปกับโครงการเด็ดปีกผู้ค้ารายย่อย เพื่อลดการกระจายยาเสพติดในชุมชน ซึ่งพบว่าสามารถจับกุมได้เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 46 จากช่วงเดียวกันปีที่ผ่านมา

ทั้งนี้การปราบปรามยาเสพติดในห้วง 7 เดือนที่ผ่านมาตั้งแต่ 1 ต.ค. 66-1 พ.ค. 67 บช.ปส. สามารถจับกุมขบวนการค้ายาเสพติดรายสำคัญได้ 762 คดี ผู้ต้องหา 1,080 คน ของกลางเป็นยาบ้า 220,458,033 เม็ด ไอซ์ 4,822 กก. เฮโรอีน 262 กก. เคตามีน 1,971 กก. และยาอี 550 เม็ด ยึดอายัดทรัพย์สินไว้เพื่อตรวจสอบมูลค่าประมาณ 1,097 ล้านบาท