เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 26 ส.ค. พ.ต.อ.โชติวัฒน์ เหลืองวิลัย รอง ผบก.ภ.จว.สมุทรปราการ ได้รับแจ้งว่ามีนักเรียนอาชีวะกำลังก่อเหตุทะเลาะวิวาท บริเวณป้ายรถประจำทาง ตรงข้ามช้างสามเศียร ถนนสุขุมวิท ต.บางเมือง อ.เมืองสมุทรปราการ หลังรับแจ้งจึงนำกำลัง ตำรวจ สภ.เมืองสมุทปราการ และเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการพิเศษ บก.ภ.จว.สมุทรปราการ กว่า 20 นาย เร่งเข้าตรวจสอบ

เมื่อไปถึงพบนักเรียนอาชีวะ เกือบ 20 คน กำลังวิ่งหนีขึ้นรถประจำทางสาย 25 ปากน้ำ-ท่าช้าง แต่ขณะที่รถกำลังเคลื่อนตัวออกจากป้าย เจ้าหน้าที่จึงนำรถหน่วยปฏิบัติการพิเศษ เข้าประกบและเรียกให้รถหยุด ตรวจค้นพบนักเรียนอาชีวะของวิทยาลัยแห่งหนึ่ง 18 คน เป็นหญิง 2 คน และ ชาย 16 คน ทั้งหมดเป็นเยาวชนอายุระหว่าง 16-18 ปี นั่งอยู่บนรถ เจ้าหน้าที่จึงเชิญตัวลงรถ พร้อมทำการตรวจค้นตามตัว และภายในรถเมล์ พบปืนไทยประดิษฐ์ (ปืนปากกา) พร้อมกระสุน 2 กระบอก ปืนลูกโม่ พร้อมเครื่องกระสุน 1 กระบอก และมีดอีก 6 เล่ม เจ้าหน้าที่จึงคุมตัวนักเรียนทั้งหมดไป สภ.เมืองสมุทรปราการ เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

จากการสอบสวนทราบว่า ก่อนเกิดเหตุกลุ่มนักเรียนวิทยาลัยแห่งหนึ่ง นั่งรถประทำทางสาย 25 จากย่านแพรกษา อ.เมืองสมุทรปราการ เพื่อเดินทางไปเรียนตามปกติ ระหว่างทางพบกกลุ่มนักเรียนคู่อริ ซึ่งเป็นนักเรียนของวิทยาลัยเทคโนฯ แห่งหนึ่ง กว่า 10 คน ขี่รถจักรยานยนต์ผ่านมา ก่อนที่ทั้งสองฝ่ายจะมีการท้าทายและปาก่อนหินใส่กัน จากนั้นกลุ่มนักเรียนวิทยาลัยฯ จึงได้ลงจากรถพร้อมกับควงมีดและปืน ลงไปปะทะกับกลุ่มนักเรียนคู่อริ บริเวณกลางถนนสุขุมวิท ท่ามกลางความแตกตื่นของชาวบ้านที่ผ่านไปมา จากนั้นจึงได้แยกย้ายกันหลบหนี กระทั่ง พ.ต.อ.โชติวัฒน์ รับแจ้ง จึงนำกำลังเข้าไปจับกุมได้ทัน ทั้งนี้พบว่า มีนักเรียนถูกฟันบริเวณขาซ้ายบาดเจ็บ 1 ราย

พ.ต.อ.โชติวัฒน์ กล่าวว่า ตามนโยบายของ ภ.จว.สมุทรปราการ ได้มีคำสั่งให้ทุกโรงพัก จัดกำลังเข้าตามจุดเสี่ยงเพื่อป้องกันนักเรียนก่อเหตุทะเลาะวิวาท เพื่อลดความสูญเสียและความปลอดภัยที่เกิดขึ้น กระทั่งช่วงตำรวจได้รับแจ้ง จึงได้นำกำลังเข้ามาสกัดและจับกุมกลุ่มผู้ก่อเหตุได้ทัน ตรวจค้นพบอาวุธ มีดปืน ซึ่งทั้งหมดอ้างว่า นำมาป้องกันตัว อย่างไรก็ตาม อยากฝากให้นักเรียนอาชีวะแต่ละสถาบัน ให้หยุดพฤติกรรมดังกล่าว และอยากวิงวอนให้ผู้ปกครองดูแลบุตรหลานของทานให้ดี หากบุตรหลานของทานถูกจับกุมแล้ว เจ้าหน้าที่ใช้มาตรการเด็ดขาดในการดำเนินคดีในข้อหาที่เกี่ยวของ ซึ่งอาจจะทำให้เสียโอกาสในภายหน้าต่อไป.