ขณะที่ อดีตนายกฯ หญิง ยังใช้ชีวิตในต่างแดน หลบหนีคำพิพากษาของ ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ที่สั่งจำคุก 5 ปี ในคดีที่ไม่ระงับยับยั้งการระบายข้าวจนเกิดความเสียหายจากการทุจริตใน โครงการรับจำนำข้าว

มีกระแสข่าวออกมาอยู่เนืองๆ ว่าทีมงานพยายามหาวิธีการนำพา นายหญิง กลับสู่มาตุภูมิอย่างผุดผ่องปลอดมลทิน

และแล้วเกิดดราม่าที่เกี่ยวโยง โครงการรับจำนำข้าว โดยเมื่อวันที่ 14 มี.ค.ที่ผ่านมา ตัวละครสำคัญอย่าง “ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พาณิชย์ และคณะไปตรวจสอบโกดังข้าวใน จ.สุรินทร์ ที่เก็บสต๊อกข้าวโครงการนี้นานนับ 10 ปี พร้อมเรียกความเชื่อมั่นด้วยการนำข้าวมาหุงกินชิมเอง เจ้าตัวยืนยันว่ายังเป็นข้าวชั้นดี กินได้ สามารถขายราคาดี

ต่อมามีผู้สื่อข่าวลงพื้นที่หาความจริงต่อไปในจังหวัดเดียวกัน แถมนำข้าวสารที่เกษตรกรตัวจริงเก็บไว้ 5 ปี มาหุงจริง กินจริง จนได้ผลจริงที่คนชิมบ้วนทิ้งแทบไม่ทัน เพราะข้าวนี้หุงสุกมีสีเหลือง รสชาติบูดขมคอ กลิ่นเหม็นสาบ

ล่าสุด เมื่อ 6 พ.ค.ที่ผ่านมา “รองฯ ภูมิธรรม” ยังท้าพิสูจน์สู้กระแสวิจารณ์ มุ่งหน้าสู่ จ.สุรินทร์ อีกหน ขนทัพสื่อมวลชน เจ้าหน้าที่จากหลายหน่วยงาน และภาคเอกชนเปิดโกดัง 2 แห่งที่เก็บสต๊อกโครงการนี้ เอาข้าวออกมาหุงและโชว์กินต่อหน้ากล้อง แถมชวนพี่น้องผู้สื่อข่าวร่วมลิ้มรสด้วยกันว่าข้าวสต๊อกนี้ยังมีคุณภาพและกินได้จริงหรือไม่

แต่ถึงอย่างไรก็น่าสงสัยในเรื่อง คุณภาพของข้าวเก่าเก็บ เพราะเป็นที่รู้กันว่าโกดังข้าวส่วนใหญ่มักใช้วิธีรมสารเคมีเป็นระยะๆ เพื่อป้องกันแมลง มอด เชื้อรา และภาพข่าวที่ออกมาครั้งนี้เห็นข้าวสารภายในกระสอบปะปนด้วยมอดจำนวนมาก ต้องล้างซาวข้าว 15 น้ำก่อนจะหุง แล้วคุณค่าสารอาหารจะยังเหลือแค่ไหน จะปลอดภัยกับผู้บริโภคหรือไม่

อีกทั้งน่ากังวลว่าการจะนำข้าวค้างโกดังนับสิบปีไปประมูลขาย ส่งออกให้ต่างชาติด้วยนั้น จะกระทบความน่าเชื่อถือต่อ คุณภาพของข้าวไทย หรือไม่ อาจได้ไม่คุ้มเสีย ส่อดับฝันของ ประเทศไทย ที่หวังทวง แชมป์ข้าวของโลก ลงด้วย

แม้แต่ “สมพร อิศวิลานนท์” นักวิชาการเศรษฐศาสตร์อาวุโส และผู้เชี่ยวชาญด้านข้าว มองว่า นอกจากเรื่องสารรมยาตกค้าง ยังมีสิ่งที่กลัวคือเชื้อรา รัฐบาลจึงควรคำนึงถึงความปลอดภัยของผู้บริโภค และจัดการตรวจให้ชัดเจนว่าข้าวไม่มีเชื้อรา ซึ่งการตรวจสอบดังกล่าวไม่ได้ทำให้เสียเงินมากมาย ไม่ใช่มองแค่เรื่องการระบายออก หากนำข้าวลอตนี้ไปปนกับข้าวใหม่ ความน่าเชื่อถือตลาดข้าวจะถูกกระทบ และความไว้วางใจต่อข้าวไทยในตลาดส่งออกจะเริ่มสั่นคลอน

โดยรวมแล้วถือว่าดราม่าเรื่องข้าวนี้อาจนำไปสู่ผลต่างๆ ตามมาเป็นโดมิโน ดังนั้น การหาวิธีใดๆ มาปูทางให้ “อดีตนายกฯ ปู” คืนสู่แดนสยาม หากจะยิ่งสร้างปัญหาใหม่ให้รัฐบาลยิ่งยุ่งเหยิง เหมือน ลิงแก้แห ก็ควรหยุดยั้งเสียแต่ตอนนี้

ทางที่ดีที่สุด คือการให้ “ยิ่งลักษณ์” กลับมาตุภูมิแล้วเดินตามขั้นตอนของกระบวนการยุติธรรมอย่างตรงไปตรงมา

อย่าลืมว่าแม้จะระบายขายข้าวหมดได้เงินล้างหนี้โครงการฯ แต่ก็มิอาจล้างความผิดที่กระทำไว้ต่อบ้านเมือง.