สำนักข่าวเอเอฟพี รายงานจากกรุงวอชิงตัน สหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 9 พ.ค. ว่า ความเคลื่อนไหวดังกล่าวเพิ่มแรงกดดันให้กับหัวเว่ย ท่ามกลางการแข่งขันทางเทคโนโลยีที่ดุเดือด ระหว่างรัฐบาลปักกิ่ง กับรัฐบาลวอชิงตัน เนื่องจากสหรัฐกังวลว่า หัวเว่ยอาจถูกใช้สำหรับปฏิบัติการจารกรรมของจีนได้

ทั้งนี้ การตัดสินใจของรัฐบาลสหรัฐ เกิดขึ้นหลังฝ่ายนิติบัญญัติของพรรครีพับลิกัน เรียกร้องให้ฝ่ายบริหารของประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐ เพิกถอนใบอนุญาตการส่งออกทั้งหมด ภายหลังการเปิดตัวคอมพิวเตอร์เครื่องใหม่ ซึ่งขับเคลื่อนโดยชิปเซตของบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านชิปของสหรัฐ “อินเทล”

“เราทำการประเมินอย่างต่อเนื่องว่า การควบคุมของพวกเราสามารถปกป้องความมั่นคงของชาติ และผลประโยชน์ด้านนโยบายต่างประเทศได้ดีที่สุดอย่างไร โดยพิจารณาถึงสภาพแวดล้อมภัยคุกคาม และภูมิทัศน์ทางเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา” โฆษกกระทรวงพาณิชย์สหรัฐ กล่าว

อนึ่ง การคว่ำบาตรเมื่อปี 2562 ซึ่งจำกัดการเข้าถึงส่วนประกอบที่ผลิตในสหรัฐ ของหัวเว่ย สร้างความเสียหายอย่างหนักต่อการผลิตสมาร์ตโฟนของบริษัท และทำให้ซัพพลายเออร์จำเป็นต้องมีใบอนุญาต เพื่อดำเนินการจัดส่งไปยังหัวเว่ยด้วย

ด้านควอลคอมม์ ยืนยันว่า กระทรวงพาณิชย์สหรัฐ ดำเนินการเพิกถอนใบอนุญาตการส่งออกไปยังหัวเว่ย “บางส่วน” และบริษัทจะปฏิบัติตามกฎระเบียบการควบคุมการส่งออกที่เกี่ยวข้องทั้งหมดต่อไป

ขณะเดียวกัน โฆษกกระทรวงพาณิชย์จีน กล่าวว่า รัฐบาลปักกิ่งไม่เห็นด้วยอย่างยิ่งกับความเคลื่อนไหวข้างต้น และจีนจะใช้ทุกมาตรการที่จำเป็น เพื่อป้องกันสิทธิและผลประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของบริษัทจีน พร้อมกับเสริมว่า ข้อจำกัดการส่งออกของสหรัฐ ถือเป็น “การบีบบังคับทางเศรษฐกิจ”.

เครดิตภาพ : AFP