นายณัฐพล นิมมานพัชรินทร์ ผู้อำนวยการใหญ่ สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล หรือ ดีป้า เปิดเผยว่า ดีป้า ได้ร่วมลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ กับ นายโอเมอร์ มาลิค ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ประเทศไทยและอินโดไชน่า บริษัท ซันโทรี่ เบเวอเรจ แอนด์ ฟู้ด (ประเทศไทย) จำกัด เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนการยกระดับความรู้ และทักษะด้านดิจิทัลให้กับเยาวชน โดยทางกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) และ ดีป้า ได้มุ่งขับเคลื่อน National AI Strategy เพื่อเป็นแนวทางในการขับเคลื่อนเทคโนโลยี AI ของประเทศ ซึ่งมีองค์ประกอบสำคัญ 5 ด้าน ประกอบด้วย AI Importer การเตรียมความพร้อมรองรับการพัฒนา AI จากนอกประเทศ AI Provider การส่งเสริมการพัฒนา AI ภายในประเทศ AI Distributor การประยุกต์ใช้ AI เพื่อพัฒนาบริการดิจิทัล AI Manpower การเตรียมความพร้อมกำลังคนดิจิทัลสาขา AI และ AI User การสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับการใช้ AI อย่างปลอดภัยแก่คนไทย ขณะเดียวกัน ดีป้า มองว่า ความรู้และทักษะด้านโค้ดดิ้งถือเป็นพื้นฐานสำคัญที่จะต่อยอดไปสู่โลกแห่ง AI

ดีป้า จึงได้ดำเนินโครงการ Coding for Better Life สร้างรากฐานอนาคตประเทศไทย โดยมีวัตถุประสงค์ที่จะสร้างครูผู้สอนที่พร้อมถ่ายทอดความรู้และทักษะด้านโค้ดดิ้งแก่นักเรียนรุ่นต่อรุ่น พร้อมดำเนินการการยกระดับโครงสร้างพื้นฐานให้มีความพร้อมรองรับการเรียนรู้ ซึ่งทั้งหมดจะช่วยสร้างเมล็ดพันธุ์ดิจิทัลที่มีความพร้อมต่อการสร้างรากฐานอนาคตของประเทศ แก้ไขปัญหาการขาดแคลนกำลังคนดิจิทัลในระยะยาวและยั่งยืน สอดคล้องกับเป้าหมายสำคัญในการเพิ่มศักยภาพทุนมนุษย์ด้านดิจิทัลของประเทศ (Human Capital) เครื่องยนต์ที่สามของนโยบายการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมดิจิทัลของ กระทรวงดีอี หรือ The Growth Engine of Thailand

“สำหรับการลงนามความร่วมมือระหว่าง ซันโทรี่ เบเวอเรจ แอนด์ ฟู้ด (ประเทศไทย) กับ ดีป้า ในวันนี้ถือเป็นเครื่องหมายแห่งความร่วมมือระหว่างภาครัฐและภาคเอกชนที่มีเป้าประสงค์เดียวกันคือ การปลูกฝังความรู้ด้านโค้ดดิ้งแก่ประชาชนไทยตั้งแต่ระดับเยาวชนภายใต้โครงการ Coding for Better Life สร้างรากฐานอนาคตประเทศไทย ซึ่งจะเป็นส่วนช่วยให้เด็กไทยเติบโตไปเป็นกำลังคนดิจิทัลที่มีคุณภาพ สามารถขับเคลื่อนประเทศไปสู่ยุคเศรษฐกิจและสังคมดิจิทัลได้อย่างมีประสิทธิภาพต่อไป” ผู้อำนวยการใหญ่ ดีป้า กล่าว

ด้าน นายโอเมอร์ มาลิค ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ประเทศไทยและอินโดไชน่า บริษัท ซันโทรี่ เบเวอเรจ แอนด์ ฟู้ด (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ตลอดระยะเวลา 50 ปี ในประเทศไทย บริษัทมุ่งมั่นที่จะสนับสนุนสุขภาพของคนไทย ทั้งร่างกายและจิตใจ รวมถึงการดำเนินชีวิตในเชิงบวก สร้างแรงบันดาลใจผู้บริโภคเพื่อที่จะเป็นตัวเองในแบบที่ดีที่สุด นอกจากนี้ บริษัทยังเชื่อมั่นในการตอบแทนสังคม โดยหนึ่งสิ่งที่ให้ความสำคัญคือ การพัฒนาศักยภาพสมองและมุ่งมั่นสร้างเสริมองค์ความรู้ด้านวิชาการให้กับเยาวชนในทุกภูมิภาคของประเทศ ควบคู่ไปกับการสร้างเสริมสุขภาพที่ดีให้กับคนไทยทุกช่วงวัย เพื่อพัฒนาทักษะและเปิดโอกาสด้านการเรียนรู้สู่ความความสำเร็จในอาชีพในอนาคต ดังจะเห็นได้จากโครงการ BRAND’S Summer Camp ติวเข้มพิชิตการสอบเข้ามหาวิทยาลัยให้กับนักเรียนทั่วประเทศ โดยจัดต่อเนื่องถึง 31 ปี มีติวเตอร์แนวหน้าของประเทศร่วมติวมากที่สุด และมีนักเรียนระดับมัธยมศึกษาตอนปลายร่วมโครงการมากที่สุด

ขณะที่ น.ส.จตุรพร ธนาพรสังสุทธิ์ รองกรรมการผู้จัดการฝ่ายการตลาด ประเทศไทยและอินโดไชน่า กล่าวว่า แคมเปญนี้มุ่งพัฒนาศักยภาพทางสมองของเยาวชนไทย และไม่เพียงแต่กระตุ้นให้เกิดการตื่นตัวในกลุ่มเยาวชนเท่านั้น แต่รวมไปถึงอาจารย์และบุคลากรทางการศึกษา ตลอดจนผู้ปกครองและครอบครัว เพื่อกระตุ้นให้เกิดการเรียนรู้ด้านดิจิทัลทั้งระบบอย่างยั่งยืน ต่อยอดสู่โลกดิจิทัลได้อย่างเต็มประสิทธิภาพและเป็นรูปธรรม เป็นรากฐานอันแข็งแกร่งในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ และสร้างความได้เปรียบด้วยการสร้างสรรค์กิจกรรมที่เอื้อต่อการเรียนรู้โลก AI พร้อมการค้นหาตัวเอง ประกอบด้วย

• เว็บไซต์ BRAND’S Brain Camp ทีนฮับที่ช่วยให้เยาวชนสามารถสำรวจความสนใจและความสามารถของตนเองผ่านแบบสอบถามอินเตอร์แอคทีฟ มีคอนเทนต์เกี่ยวกับโลกดิจิทัลแห่งอนาคต และคอร์สออนไลน์ที่ช่วยเตรียมตัวสู่โลกดิจิทัลจาก ดีป้า

• กิจกรรม AI Road Show ใน 8 จังหวัดทั่วประเทศ จัด AI Inspiring Talk Show โดย AI Expert ในสาขาอาชีพต่าง ๆ เพื่อสร้างแรงบันดาลใจและความสนใจให้กับนักเรียนที่ร่วมโครงการและ Exhibition Roadshow สำหรับผู้ปกครองและประชาชนทั่วไปให้เกิดความรู้พื้นฐานด้านดิจิทัลกว่า 20,000 คน

• กิจกรรมอัปเกรดห้องเรียนโค้ดดิ้ง มอบอุปกรณ์ Micro:bit บอร์ดไมโครคอนโทรลเลอร์สำหรับการเรียนรู้ของนักเรียนอายุ 6-18 ปี และอาจารย์ ซึ่งเป็นคอมพิวเตอร์ขนาดจิ๋วที่ถูกออกแบบมาเพื่อสอนวิชาการเขียนโค้ด ปรับแต่ง และควบคุมที่มีมากกว่า 20 หลักสูตร ซึ่งจะช่วยส่งเสริมให้เกิดการเรียนรู้ที่ง่ายและสนุก เพื่อสร้างองค์ความรู้ด้านโค้ดดิ้งให้กับโรงเรียนในโครงการ Coding for a Better Life ทั่วประเทศ

• สนับสนุนกิจกรรม Coding War การแข่งขันทักษะด้านโค้ดดิ้ง โดยเฟ้นหา 10 โปรเจกต์ที่ดีที่สุดจากนักเรียนที่เข้าร่วมการแข่งขันกว่า 5,000 คนทั่วประเทศ โดยทีมชนะเลิศจะได้รับทุนการศึกษาจากแบรนด์ซุปไก่สกัด มูลค่า 1 ล้านบาท