จากนั้นเวลา 10.10 น. วันที่ 11 พ.ค. นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เดินทางเยี่ยมชมอุตสาหกรรมโคนมในพื้นที่จังหวัดกาญจนบุรี อำเภอเมืองกาญจนบุรี จังหวัดกาญจนบุรี โดยเมื่อเดินทางถึง นายกฯ ได้ป้อนนมลูกวัวอย่างอารมณ์ดี
ก่อนที่นายกฯ จะเดินเข้าไปเยี่ยมชมโรงเลี้ยงของฟาร์มโคนม จังหวัดกาญจนบุรี และรับฟังบรรยายสรุปข้อมูลพื้นฐานด้านปศุสัตว์โคนม จังหวัดกาญจนบุรี ทั้งในส่วนของเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนม เรื่องปัญหาด้านผลผลิตตกต่ำ จากการจัดการที่ไม่เหมาะสม ปัญหาขาดดุลจากการบริหารที่ไม่เหมาะสม และปัญหาต้นทุนการผลิตสูงขึ้นแต่จัดการได้ไม่เหมาะสม รวมถึงยังรับฟังข้อมูลผลผลิตด้านปศุสัตว์ประเภทน้ำนมดิบของ จ.กาญจนบุรี
โดยรายงานว่า เกษตรกรผู้เลี้ยงโคนมลดลง โดยปัจจัยในการเลิกเลี้ยงมีเยอะ เนื่องจากไม่มีกำไร และต้นทุนอาหารที่สูงขึ้น รวมถึงเรื่องสภาพอากาศที่ร้อนขึ้น ทำให้ปริมาณน้ำนมวัวลดน้อยลง โดยนายกฯ แนะนำให้ปลูกข้าวโพดและนำซังข้าวโพดมาเป็นอาหารสัตว์ และปรับสภาพฟาร์มโคนมแห่งนี้ให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยว ขณะเดียวกัน นายกฯ ได้หันไปบอกนายสุรพงษ์ ปิยะโชติ รมช.คมนาคม ว่า ให้ช่วยส่งเสริมการท่องเที่ยวในพื้นที่ด้วย นอกจากนี้ นายกฯ ได้แนะนำว่าให้มีการปรับโรงเลี้ยงโคนม เพื่อช่วยในการระบายอากาศร้อน โดยนายสุรพงษ์ กล่าวว่า สามารถทำได้เพียงโรงเลี้ยงรายใหญ่เท่านั้น
ต่อมา นายกฯ ได้ชิมกาแฟขี้ชะมด พร้อมกล่าวว่า อร่อย เคยได้กินที่ห้วยฮ่องไคร้ จ.เชียงใหม่ ก็ติดใจ ก็ได้บอกกับเจ้าหน้าที่ว่าควรทำมากขึ้น และน่าจะทำเชิงพาณิชย์ได้ กาแฟชะมดราคากิโลกรัมละ 15,000 บาท ส่วนกาแฟธรรมดากิโลละ 500-600 บาท อันนี้ราคา 2-3 เท่า
ขณะที่เจ้าของร้านแฟ กล่าวว่า ที่นี่ตนเป็นเจ้าแรกของประเทศไทย ที่ผลิตและสอนคนให้ทำกาแฟชะมด เพื่อจะเพิ่มมูลค่าให้กับเกษตรกร เพื่อให้ผลิตกาแฟชะมดขึ้นมา จากกาแฟกิโลกรัมละ 100 กว่าบาท เป็น 10,000 บาท และที่น่าสนใจคือ สปป.ลาว อินเดีย และกัมพูชา ก็มาเรียนรู้จักเรา ปัจจุบันเลี้ยงชะมดไว้ 30 กว่าตัว ซึ่งสาเหตุที่ยังไม่เลี้ยงเพิ่ม เพราะช่วงโควิด-19 ที่ผ่านมา ทำให้การขายลดลง จึงยังไม่ผลิตตัวชะมดเพิ่ม.