เมื่อเวลา 12.00 น. วันที่ 11 พ.ค. ที่ สำนักงานสายไหมต้องรอด ซอยสายไหม 38 แขวงสายไหม เขตสายไหม กรุงเทพฯ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายสมภพ ลวะวิบูลย์ อายุ 43 ปี อาชีพธุรกิจส่วนตัว พร้อมด้วย น.ส.พรนิภา วิหคประเสริฐ อายุ 44 ปี อาชีพธุรกิจส่วนตัว (ผู้เสียหาย) ได้เดินทางเข้าร้องทุกข์ขอความช่วยเหลือกับนายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด และในฐานะที่ปรึกษา รมว.มหาดไทย ภายหลังถูกมิจฉาชีพหลอกซื้อนาฬิกาหรู ทำทีให้ส่งสินค้าทางไปรษณีย์ และออกอุบายให้ส่งเลขพัสดุมาให้ดูก่อน เพื่อจะทำการโอนเงิน แต่ระหว่างนั่งรอลูกค้าโอนเงิน สุดท้ายมิจฉาชีพแอบเข้าไปที่ร้านส่งไปรษณีย์ขอรับของ โดยที่ไม่ยอมโอนเงินให้ร้านค้า ปัจจุบันมิจฉาชีพใช้วิธีการลักษณะนี้หลอกเหยื่อจำนวนมาก สร้างความเสียหายต่อผู้ประกอบการ

โดยนายสมภพ ลวะวิบูลย์ ผู้เสียหาย กล่าวว่า เมื่อช่วงเดือน ก.พ. ที่ผ่านมา ตนได้โพสต์ขายนาฬิกาหรู ยี่ห้อ Rolex รุ่น Submarine ต่อมาเดือน เม.ย. มิจฉาชีพได้โทรศัพท์มาหาแสดงตัวว่าสนใจอยากจะซื้อนาฬิกาในราคาประมาณ 400,000 กว่าบาท จากนั้นมิจฉาชีพได้ขอให้ตนไปใช้บริการขนส่งเอกชนแห่งหนึ่ง (Flash Express) โดยมีจุดหมายปลายทางให้ส่งไปที่จังหวัดนครศรีธรรมราช เลขที่ 172 หมู่ 9 ต.นาสาร อ.พระพรหม ชื่อผู้รับ “นายนาราทิพย์ เตชะวัช” และจะโอนให้เงินทันที อีกทั้งยังอ้างว่าในพื้นที่ดังกล่าว ถ้าใช้ขนส่งเอกชนเจ้านี้จะสะดวกมากกว่า ซึ่งตนก็ไม่ได้เอะใจสงสัย ทำให้ในวันที่ 1 พ.ค. จึงได้ออกไปส่งสินค้าให้ ต่อมามิจฉาชีพได้ให้ตนส่งหมายเลขพัสดุให้ พร้อมกับขอให้ตนเดินออกมาจากบริษัทขนส่งเอกชน จากนั้นก็ได้วิดีโอคอลมาเพื่อตรวจสอบว่าตนได้ออกมาจากขนส่งแล้ว ซึ่งตอนนั้นตนก็นั่งรออยู่นาน แต่ก็ยังไม่พบว่ามีเงินโอนเข้ามาในบัญชี ตนจึงได้ไปสอบถามกับพนักงานขนส่งก็ได้ข้อมูลมาว่า มีไรเดอร์มาติดต่อให้ยกเลิกขนส่งและอ้างว่าลูกค้าจะให้ไรเดอร์เป็นคนไปส่งเอง พนักงานจึงมอบพัสดุให้ไรเดอร์ไป ทำให้ตนแปลกใจว่าทำไมพนักงานถึงทำแบบนั้น ทั้งๆ ที่ใบเสร็จอยู่ที่ตน

นายสมภพ กล่าวอีกว่า จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตนจึงได้เดินทางไปแจ้งความที่ สน.หลักสอง ฐานความผิดลักทรัพย์โดยใช้กลอุบาย อย่างไรก็ตาม ล่าสุดเมื่อประมาณ 3 วันที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ท่าข้าม สามารถจับมิจฉาชีพได้แล้ว ขณะนี้อยู่ระหว่างการอายัดตัวในแต่ละท้องที่ แต่ปรากฏว่านาฬิกา Rolex ของตนนั้น พนักงานสอบสวนไม่ได้อายัดไว้เป็นของกลาง ซึ่งตนทราบมาว่า มิจฉาชีพได้นำไปขายให้ร้านค้าแห่งหนึ่งไปก่อนแล้ว ซึ่งตนก็ได้สอบถามร้านค้า โดยร้านค้าก็บอกว่าให้เอาเงินมาจ่ายไถ่ของคืนไป

ขณะที่ พ.ต.อ.ไตรเทพ แพทย์รัตน์ ผกก.สน.หลักสอง เปิดเผยว่า สาเหตุที่ไม่มีการดำเนินการอายัดนาฬิกาเรือนดังกล่าว เป็นเพราะร้านนาฬิการับซื้อโดยที่ไม่ทราบว่าเป็นของผิดกฎหมาย ดังนั้น ร้านนาฬิกาจึงไม่มีความผิดฐานรับของโจรและเป็นผู้ครอบครองโดยสุจริต เช่นเดียวกับผู้ที่ซื้อนาฬิกาต่อจากร้านนาฬิกา ก็ถือว่าเป็นผู้ครอบครองโดยสุจริตเช่นเดียวกัน ทางพนักงานสอบสวนจึงไม่มีอำนาจที่จะไปอายัดนาฬิกาดังกล่าวได้ แต่ก่อนหน้านี้ทางพนักงานสอบสวนได้แจ้งให้ทางร้านนาฬิกา นำนาฬิกาเรือนดังกล่าวมาส่งมอบให้พนักงานสอบสวนแล้ว แต่หลังจากนี้ จะให้ทางร้านนาฬิกาเข้ามาชี้แจงว่า เพราะเหตุใดถึงไม่นำนาฬิกามาส่งมอบแก่ตำรวจ ส่วนผู้เสียหาย (นายสมภพ ลวะวิบูลย์) หากต้องการนาฬิกาคืน ก็ให้ดำเนินการซื้อคืนจากผู้ที่ซื้อและครอบครองโดยสุจริตด้วยวิธีทางแพ่ง ทางพนักงานสอบสวนมีอำนาจเฉพาะในทางคดีอาญาเท่านั้น

พ.ต.อ.ไตรเทพ เผยอีกว่า ในส่วนความคืบหน้าของคดีอาญา ขณะนี้เตรียมที่จะออกหมายจับผู้ร่วมขบวนการเพิ่มเติม เพราะเนื่องจากพบว่าขบวนการนี้มีลักษณะของการก่อเหตุหลายครั้งในหลายพื้นที่ ส่วนพนักงานของบริษัทขนส่งเอกชนนั้น จากการสอบปากคำเบื้องต้น อ้างว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับกระบวนการดังกล่าว แต่ทางพนักงานสอบสวนยังไม่ปักใจเชื่อ จะต้องมีการสอบปากคำพนักงานของบริษัทขนส่งอย่างละเอียดอีกครั้ง.