สำหรับกรณีของผู้สมัครใจบำบัด ถ้าหยุดบำบัด หนีบำบัด คราวนี้มีโทษหนักขึ้น ..ซึ่งอย่างที่ว่า คนเราร้อยพ่อพันแม่ จะให้เห็นตรงกันแต่ละเรื่องมันก็ยาก เดิมมีคนเย้ยหยัน นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว อดีต รมว.สาธารณสุข เรื่องยาบ้าห้าเม็ดเป็นผู้ค้า มีทำภาพล้อเลียนถุงยาบ้าบรรจุห้าเม็ด ล้อเลียนวิธีอื่นๆ ที่จะให้นโยบาย “ห้าเม็ดเป็นผู้เสพ” ดูโง่ให้ได้
พอกลับมาเป็นเม็ดเดียวก็ไม่เว้น อีกฝ่ายที่เงียบมานาน คือฝ่ายที่ทำเรื่อง harm reduction (การสมัครใจลดอันตรายจากการใช้ยา) ที่มองว่า “ต้องเอาผู้เสพสมัครใจเข้าบำบัดให้มากที่สุด” ถึงออกนโยบายห้าเม็ดเพื่อป้องกันการไม่ให้ความร่วมมือบำบัด…ตอนเป็นห้าเม็ดไม่พูด แต่พอมาจะให้ผิดให้หมดก็เริ่มเสียดาย เริ่มแสดงความเห็นว่า ยิ่งกันคนออกจากระบบบำบัด
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ทำให้คนฟังข่าวตาลุกโพลง คือ “นายกฯ จะบรรจุกัญชากลับเข้าเป็นยาเสพติดอีกครั้ง” ซึ่งขัดกับนโยบายของพรรคภูมิใจไทย ที่นำโดย “เสี่ยหนู อนุทิน ชาญวีรกูล” รองนายกฯ และรมว.มหาดไทย ในฐานะพรรคที่ได้เสียงอันดับสองในรัฐบาลผสม เพราะเรื่องกัญชาถูกกฎหมาย มันพยายามรณรงค์กันมาตั้งแต่รัฐบาลประยุทธ์
มีตั้งแต่การให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) ปลดกัญชาออกจากยาเสพติดประเภท 5 และนิรโทษกรรมผู้ที่ปลูกหรือใช้กัญชาในช่วงเวลานั้น ยกเว้นการใช้กัญชาเพื่อความเมา สนุกสนาน และหวังเอากัญชา กัญชง เป็นพืชเศรษฐกิจในด้านเวชภัณฑ์ ส่วนของกัญชงสามารถขายเส้นใยได้ด้วย

แต่กฎหมายที่เข้าสภาในสมัยรัฐบาลประยุทธ์ โดนเตะถ่วงหลายครั้ง ..มีทั้งองค์ประชุมล่ม ทั้งมีการโจมตีว่าจะมีการมอมเมาให้เยาวชนสามารถเข้าถึงกัญชาได้ มีการยกภาพถนนข้าวสารกลายเป็นสวรรค์นักพี้ และถล่มด้วยภาพข่าวต่างๆ เช่น เด็กวัยไม่เท่าไรสูบกัญชาอยู่บริเวณหาดแถวพัทยา จนบางครั้งมีการถกเถียงว่า “จัดฉากหรือไม่”
สิ่งที่ตามมาคือ พ.ร.บ.กัญชากัญชงไม่ผ่านสภาเสียที และเมื่อนายกฯ ทุบโต๊ะเปรี้ยงมา ให้เอากัญชากลับเป็นยาเสพติด สิ่งที่เป็นความปริวิตกของผู้ที่ลงทุนปลูกไปแล้ว คือ “เขาจะได้รับค่าชดเชยอย่างไร” เพราะเป้าหมายก็หวังส่งขายหน่วยงานที่อาจเป็นรัฐหรือเอกชนที่เอาไปใช้ทำยาได้ ส่วนคนที่ปลูกบ้านละหกต้น เห็นทีว่าคงต้องถอนทิ้ง
เรื่องนี้ทำให้เกิดความร้าวฉานในรัฐบาลหรือไม่ ? ตอนนี้เรียกว่า “ฝุ่นเพิ่งตลบ” ซึ่งยังต้องมีการหยั่งท่าทีรัฐบาล ว่า ภูมิใจไทยสามารถบีบคอต่อรองเรื่องกฎหมายได้แค่ไหน ก็เหมือนเรื่องเงินดิจิทัล คือกัญชาเพื่อการแพทย์ถูกนำมาเป็นนโยบายรัฐบาล และเป็นจุดขายของพรรค..เช่นกัน นโยบายที่เพิ่งออกจากปากนายกฯ ก็ต้องมีการพูดคุยกันอีก
ซึ่งถ้าให้มองทางออกที่คิดว่า “วิน-วิน” ทุกฝ่าย คือ น่าจะมีการนำกลับไปเป็นยาเสพติด แต่อาจมีการ “เล่นแร่แปรธาตุ” กฎหมายกัญชา อนุญาตให้เฉพาะผู้ที่ทำการลงทุนไปล่วงหน้าก่อนจะประกาศใช้กฎหมาย เป็นผู้ได้รับการยกเว้น และต้องส่งกัญชา กัญชงที่ผลิตเข้ารัฐบาลเท่านั้น เพื่อส่งให้องค์กรเภสัชหรือภาคเอกชนแปรรูปทำยาขาย
แต่ถ้ามองในแง่ของผู้ประกอบการรายย่อย เขาจะมองว่า มันเป็นความไม่ยุติธรรมอีก ดังนั้น ขอให้ชะลอเรื่องการนำกัญชากลับไปเป็นยาเสพติดไว้ก่อน แต่ให้ผ่านร่าง พ.ร.บ.กัญชา กัญชง ซึ่งถ้านายกฯ ยอมเซ็นส่งเข้าสภาอีกครั้ง ก็น่าจะพิจารณาได้ในสมัยประชุมหน้า ซึ่งผู้ประกอบการรายย่อยมองว่า กฎหมายตัวนี้เป็นธรรมกว่า
ก็น่าสนใจว่า จะมีศึกคว่ำกัญชากับศึกคว่ำเงินดิจิทัลเกิดขึ้นหรือไม่ ต่อจากนี้.