ปัจจุบัน หม้อทอดไร้น้ำมันกลายเป็นอุปกรณ์ทำอาหารยอดนิยม เพราะความสะดวกและใช้งานไม่ยาก อีกทั้งยังปรุงอาหารได้หลากหลาย โดยเฉพาะคุณสมบัติการรีดน้ำมันออกจากวัตถุดิบทำให้หม้อทอดไร้น้ำมันได้รับความนิยมในหมู่ผู้รักสุขภาพ
กระนั้น การใช้งานอุปกรณ์ชนิดนี้ก็มีข้อควรระวัง ก่อนหน้านี้ก็มีการรายงานข่าวกรณีชิ้นส่วนของหม้อทอดเกิดลัดวงจรหรือระเบิดมาแล้ว แต่ความจริง ยังมีภัยเงียบอีกอย่างหนึ่งเกี่ยวกับการใช้หม้อทอดที่เราอาจคาดไม่ถึง
แคนเดสส์ โซนา-เมนโดลา บรรณาธิการของเว็บบล็อกว่าด้วยเรื่องความปลอดภัยด้านอาหารและผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายชุมชนด้านความปลอดภัยเกี่ยวกับอาหาร ชี้ว่าภัยเงียบของหม้อทอดไร้น้ำมันนี้มาพร้อมกับการรักษาความสะอาดของอุปกรณ์ที่ไม่เหมาะสม
พูดง่าย ๆ ว่าหากเราไม่ทำความสะอาดหม้อทอดให้เรียบร้อยหลังจากใช้งานทุกครั้ง ก็อาจเสี่ยงต่อการเจ็บป่วยร้ายแรงได้เพราะเกิดการปนเปื้อนสารพิษในอาหาร
ยกตัวอย่างเช่น ถ้าหากเราใช้หม้อทอดปรุงเนื้อไก่แล้วเกิดผิดพลาด ได้เนื้อไก่ที่ยังไม่สุกดี ซึ่งก็อาจทำให้เชื้อแบคทีเรียซาลโมเนลลาในเนื้อไก่ดิบ ตกค้างอยู่ในตัวเครื่อง โดยเฉพาะตัวลิ้นชักหรือตะกร้า และปนเปื้อนอาหารที่เราปรุงในมื้อต่อไป
เชื้อแบคทีเรียตัวนี้มีความทนทานมาก สามารถมีชีวิตอยู่ได้นานถึง 32 ชม. บนพื้นผิวที่แห้ง เมื่อเข้าสู่ร่างกายจะทำให้เกิดการติดเชื้อและมีอาการของอาหารเป็นพิษ ผู้ป่วยจะมีไข้ อาเจียนและถ่ายเหลว
จานิลีน ฮัตชิงส์ ผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยของอาหารและนักวิทยาศาสตร์อาหารจาก StateFoodSafety แห่งสหรัฐ ชี้ว่า การรักษความสะอาดของหม้อทอดไร้น้ำมันนั้นสำคัญมาก เพื่อป้องกันการติดเชื้อแบคทีเรียจากวัตถุดิบที่ใช้ในการปรุงอาหาร
ฮัตชิงส์ เตือนว่า ถ้าหากหม้อทอดมีคราบสกปรกหลงเหลืออยู่จากการใช้งานครั้งก่อนหน้า เศษอาหารจากมื้อก่อนที่ตกค้างในเครื่อง รวมถึงเชื้อโรค อาจปนเปื้อนลงไปในอาหารที่เรากำลังจะปรุงในครั้งใหม่ได้
ทางที่ดีที่สุดคือการทำความสะอาดทุกครั้งที่ปรุงอาหารแต่ละมื้อ อาจจะดูเหมือนวุ่นวายแต่ไม่ได้ยากจนเกินไป ถือเสียว่าดีกว่าเสี่ยงรับประทานอาหารที่มีเชื้อโรคปนเปื้อน
ฮัตชิงส์ ยังแนะนำว่าเพียงใช้น้ำอุ่นกับน้ำยาล้างจานเล็กน้อย ก็สามารถทำความสะอาดได้ดี โดยนำส่วนที่เป็นลิ้นชักหรือตะกร้าลงแช่ทิ้งไว้ในน้ำอุ่นเสียก่อน เพื่อจะได้ไม่ต้องเปลืองแรงขัดเศษอาหารออกไป นอกจากจะทำให้หม้อทอดสะอาดแล้ว ยังไม่มีกลิ่นอาหารเก่าตกค้างอีกด้วย
ที่มา : ladbible.com
เครดิตภาพ : GETTY IMAGES
