จากการจัดอันดับของ ฟอร์บส์ ไทยแลนด์ ถึง 50 รายชื่อ 50 มหาเศรษฐีชาวไทย ประจำปี 2023 ที่ผ่านมา พบว่า มหาเศรษฐีไทย 5 อันดับแรก ได้แก่
อันดับ 1 พี่น้องเจียรวนนท์ มีมูลค่าทรัพย์สิน 3.4 หมื่นล้านดอลลาร์ หรือ 1.18 ล้านล้านบาท
อันดับ 2 นายเฉลิม อยู่วิทยา และครอบครัว มีทรัพย์สิน 3.34 หมื่นล้านดอลลาร์ หรือ 1.16 ล้านล้านบาท
อันดับ 3 นายเจริญ สิริวัฒนภักดี มีทรัพย์สิน 1.36 หมื่นล้านดอลลาร์ หรือ 4.73 แสนล้านบาท จากเดิม 1.12 หมื่นล้านดอลลาร์ หรือ 3.94 แสนล้านบาท
อันดับ 4 ตระกูลจิราธิวัฒน์ มีทรัพย์สิน 1.24 หมื่นล้านดอลลาร์ หรือราว 4.32 แสนล้านบาท
อันดับ 5 นายสารัชถ์ รัตนาวะดี ที่ลงจากอันดับ 4 มีทรัพย์สิน 1.13 หมื่นล้านดอลลาร์ หรือราว 3.94 แสนล้านบาท
ส่วนในช่วงไตรมาส 1 ของปี 67 นี้ หากส่องดูธุรกิจที่โดดเด่น ณ วันที่ 14 พ.ค. 67 ของ 5 มหาเศรษฐีไทยจะพบว่า
–ธุรกิจในกลุ่มของเจียรวนนท์ ประกอบด้วยหลากหลายธุรกิจ แต่ที่โดดเด่นอย่างเห็นได้ชัดสุด คือ บมจ.เจริญโภคภัณฑ์อาหาร หรือ CPF มีกำไร 1,152.03 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 142% หลังราคาเนื้อสัตว์ในภูมิภาคดีขึ้น ต้นทุนการเลี้ยงสัตว์ลดลง และมีรายได้จากการขาย 140,037 ล้านบาท
-ธุรกิจของนายเฉลิม อยู่วิทยา และครอบครัว เป็นกลุ่มเครื่องดื่มชูกำลังภายใต้ กลุ่ม TCP หรือ ที.ซี.ฟาร์มาซูติคอล อุตสาหกรรม ผู้ผลิตเครื่องดื่มกระทิงแดง สปอนเซอร์ ซึ่งไม่ได้จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ไทย แต่ล่าสุด มีการเปิดเผยว่าไตรมาส 1 ปีนี้มีรายได้เติบโต 6-7% ซึ่งสูงกว่าช่วงเดียวกันของปี 66
-ธุรกิจของนายเจริญ สิริวัฒนภักดี อาทิ บมจ.แอสเสท เวิรด์คอร์ป หรือ AWC มีกำไรสุทธิ 1,604 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.4% และมีรายได้รวม 5,440 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11.2% จากธุรกิจโรงแรมและบริการเติบโตตามการฟื้นตัวของภาคท่องเที่ยว
-ธุรกิจตระกูลจิราธิวัฒน์ คงหนีไม่พ้นหุ้นค้าปลีก บมจ.เซ็นทรัลพัฒนา หรือ CPN มีกำไรสุทธิ 4,154.16 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 28% และมีรายได้รวม 12,234 ล้านบาท เติบโต 19% จากรายได้ค่าเช่าและบริการเติบโตขึ้นจากพื้นที่เช่าที่เพิ่มขึ้นในเซ็นทรัล เวสต์วิลล์ และเซ็นทรัล นครสวรรค์ ยอดขายร้านค้าของผู้เช่าที่สูงขึ้น และการเพิ่มขึ้นของกิจกรรมในพื้นที่ส่วนกลาง และอัตราค่าไฟลดลงจากปีก่อนหน้า
–ธุรกิจของนายสารัชถ์ รัตนาวะดี ที่โดดเด่นสุด คือ บมจ.กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ หรือ GULF มีกำไรสุทธิ 3,498.52 ล้านบาท ลดลง 9.1% จากช่วงเดียวกันปีก่อน เนื่องจากบริษัทบันทึกผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนที่กระทบบริษัทใหญ่และขาดทุนจากตราสารอนุพันธ์ของบริษัทร่วมและการร่วมค้า
