จากกรณี มารดาของเด็กชายอายุ 14 ปี เข้าแจ้งความว่า ลูกชายถูก พล.ต.นพ.เหรียญทอง แน่นหนา ผอ.รพ.มงกุฎวัฒนะ ทำร้ายร่างกายที่โรงพยาบาล ด้วยการตบและจับแก้ผ้า พร้อมไล่ออกจากโรงพยาบาล หลังสูบบุหรี่ในห้องน้ำ ตามที่เคยเสนอข่าวไปแล้วนั้น
-‘หมอเหรียญทอง’ แจงลั่น รพ.ต้องปลอดบุหรี่-กุ๊ย หลังแม่ ด.ช.14 แจ้งจับ ‘ตบหน้า-จับแก้ผ้า’

ล่าสุดเมื่อวันที่ 15 พ.ค. พล.ต.นพ.เหรียญทอง แน่นหนา ผอ.รพ.มงกุฎวัฒนะ ได้โพสต์ผ่านแฟนเพจ โดยยอมรับทำร้ายเด็ก 14 จริง เนื่องจากมีกรณีคนแอบสูบบุหรี่จนทำไฟไหม้โรงพยาบาลมาแล้วถึง 2 ครั้ง โดยหมอเหรียญทอง ได้ระบุว่า “เมื่อผมกระทำผิดกฎหมาย ผมก็ต้องรับผิดตามกฎหมาย ลูกน้องของผมเสนอให้ผมตัดภาพวงจรผิดด้วยการเอากล้องวงจรปิดจากจุดที่เกิดเหตุดังเช่นส่วนราชการหลายแห่งกระทำกันเมื่อเกิดเหตุเพื่อจะได้ไม่เป็นหลักฐานเอาผิดผมออกตั้งแต่คืนวันที่เกิดเหตุ”

แต่ผมสั่งการว่า “ไม่ต้อง หากผมทำผิด ผมจะรับผิดเอง แม้จะต้องจำคุกก็ตาม”…ผมเป็นอดีตหัวหน้านักเรียนผู้บังคับบัญชา ผมมีระบบเกียรติศักดิ์สูงยิ่ง ไม่โกหก ไม่หนีความผิด ติดคุกก็ติดคุก ไม่เคยรู้สึกอับอายหากต้องจำคุก ลูกน้องของผมขอเสนอตัวเป็นผู้กระทำความผิดเอง ผมก็บอกว่า “พี่ขอขอบใจ แต่พี่ทำเอง พี่รับผิดเอง ไม่ต้องมีใครมารับผิดแทนพี่ทั้งนั้น”

ดังนั้นคดีนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจ อัยการ ตลอดจนผู้พิพากษาตัดสินคดีง่ายครับ เพราะผมจะรับผิดในสิ่งที่ผมกระทำ คดีนี้โจทก์ไม่จำเป็นต้องมีทนายเก่ง เพราะผมต้องการให้คดีนี้เป็นการพิสูจน์ความดี เก่ง กล้า ในการรับผิดตามกฎหมายของผม ถึงแม้ต้องจำคุกนานนับ 10 ปีก็ตาม ผมไม่ทราบหรอกว่าไอ้วัยรุ่นกุ๊ยอายุเท่าไหร่ ทราบแต่ว่าผมยาว หน้าแก่เกินวัย มีเมียตั้งครรภ์แล้วเท่านั้น ก็คิดไม่ถึงหรอกครับว่าจะมีอายุ 14 ตามที่สื่อต่างๆ ประโคมข่าวว่าผมตบเด็ก เพื่อให้สังคมประณามผมซึ่งผมก็ไม่แคร์อะไรกับใครก็ตามที่รุมประณามสะใจโจมตีผมทั้งนั้น

คนอย่างผมเป็นคนเข้มแข็ง และมีที่ยืนในสังคมอย่างมากมาย มีคนเคารพรักชื่นชมในความกล้า แม้ในบางครั้งหากต้องบ้าบิ่น คนอย่างผมก็กล้าตัดสินใจทำ แม้คนอย่างผมจะเลือกชีวิตที่สุขสบายลอยตัวได้ แต่ชีวิตหนึ่งของคนเรานั้นสั้นและผ่านไปอย่างรวดเร็ว คนอย่างผมจึงไม่กลัวอะไร

เมื่อผมปกป้องให้ รพ.มงกุฎวัฒนะ ให้เป็นสถานที่ที่ปลอดภัยสำหรับผู้ป่วย ญาติ บุคลากรจำนวนมาก โดยเฉพาะปลอดภัยจากบุหรี่อย่างเด็ดขาด ไม่ให้ควันบุหรี่ที่เป็นสารก่อมะเร็งปอด ส่งผลเสียต่อผู้ป่วยรายอื่นๆ จำนวนมาก ต่อญาติผู้มาเยี่ยมจำนวนมาก ต่อบุคลากรในสังกัดจำนวนมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งปกป้องไม่ให้เกิดโศกนาฏกรรมจากอัคคีภัยที่เกิดจากบุหรี่

แม้กฎหมายบ้านเราจะหน่อมแน้มในการปกป้อง รพ. หรืออาคารสาธารณะทุกแห่งให้ปลอดภัยจากบุหรี่ แต่ผมจะปล่อยให้ความหน่อมแน้มทางกฎหมายที่ผู้มีอำนาจรัฐไม่เคยใส่ใจเอาจริงเอาจังจัดการให้เด็ดขาดได้ แต่ผมก็จะไม่ปล่อยให้ความหน่อมแน้มของกฎหมายกลายเป็นความเสี่ยงต่อผู้ป่วยรายอื่นๆ จำนวนมาก ต่อญาติผู้มาเยี่ยมจำนวนมาก ต่อบุคลากรในสังกัดจำนวนมากใน รพ.มงกุฎวัฒนะ ที่มีผมเป็นผู้นำรับผิดชอบ

ผมจะพิสูจน์ให้เห็นว่าเมื่อกฎหมายจัดการผู้สูบบุหรี่ที่มีโทษเพียงแค่ปรับ ทั้งหากเป็นเยาวชนยังได้รับการยกเว้นโทษอีกด้วย ในขณะที่ผู้ประกอบการจะต้องรับผิดทั้งอาญาและแพ่ง หากเกิดอัคคีภัยจนเกิดโศกนาฏกรรม และการชดเชยการเลิกจ้างพนักงานจำนวนมาก หากสถานประกอบการต้องเลิกกิจการจากอัคคีภัย คนอย่างผม ผมกลับกล้ารับผิด ไม่โกหก ไม่ปฏิเสธความผิด แม้จะต้องจำคุกนานนับ 10 ปี ในวัย 64 แล้วก็ตาม แม้อาจจะต้องตายในคุกก็ไม่กลัว เพราะผมคือตำนานของลูกหลานเหลนโหลน และคนที่เคารพรักผม โดยเฉพาะผู้ใต้บังคับบัญชาของผม

แม้จะต้องจำคุกเมื่อเป็นผู้สูงวัย ผมก็จะจำคุกอย่างมีระบบเกียรติศักดิ์ของการเป็นอดีตหัวหน้านักเรียนผู้บังคับบัญชา นักเรียนแพทย์ทหาร วิทยาลัยแพทยศาสตร์พระมงกุฎเกล้า ที่ผมได้รับการปลูกฝังมานานกว่า 43 ปี ตั้งแต่เข้ารับการฝึกจากโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า และเรื่อยมาในขณะเป็นนักเรียนแพทย์ทหาร วิทยาลัยแพทยศาสตร์พระมงกุฎเกล้า ตราบจนปัจจุบันที่เป็นทหารเกษียณอายุในวัย 64 แล้วก็ตาม

ผมขอรับรองว่าไม่มีทางที่คนอย่างผม จะขอขมาไอ้กุ๊ยส้นตีนสร้างความเดือดร้อนสังคมส่วนรวม ไม่มีทางที่คนอย่างผมจะวิ่งเต้นคดี ท่านทั้งหลายจะได้เห็นผมรับผิดตามกฎหมายอย่างตรงไปตรงมาชัดเจน ผมจะพิสูจน์ให้เห็นกันตั้งแต่การรับทราบข้อกล่าวหาเมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจส่งหมายเรียกมาถึงผม

พระเจ้าอยู่หัวฯ รัชกาลที่ 9 มีพระบรมราโชวาทถึงการส่งเสริมคนดี แต่พระองค์ท่านไม่ได้หมายความว่า คนดีทำผิดแล้วไม่ต้องรับโทษตามกฎหมาย ถึงแม้จะทำคุณงามความดีมามากมายในหลายสถานการณ์วิกฤติก็ตาม แต่เมื่อผมทำผิด ผมก็ต้องรับผิด “นี่คือ An Officer and a Gentleman…อ่านว่า ‘แอนออฟฟิศเซอร์ แอนด์อะเจ็นเทิลแมน’ แปลว่า ‘นายทหาร และ สุภาพบุรุษ’ …ผมเป็นนายทหารสุภาพบุรุษ กล้ารับผิดเสมอ”..

ขอบคุณข้อมูลจาก @เหรียญทอง แน่นหนา