ประเทศไทยตั้งอยู่ในเขตร้อนบริเวณใกล้เส้นศูนย์สูตร ทำให้มีภูมิอากาศแบบร้อนชื้น ส่งผลให้ช่วงหน้าร้อนในไทยที่กินเวลากว่า 3 เดือนต่อปี มีอุณหภูมิเกือบ 40 องศาเซลเซียสหรือมากกว่า ทำให้คนไทยต้องทรมานกันถ้วนหน้า เพราะอากาศร้อนไม่ได้ส่งผลต่ออารมณ์เท่านั้น แต่ยังทำให้เกิดอันตรายถึงชีวิตเลยทีเดียว ความร้อนแรงของแสงแดดเป็นปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดโรคทางผิวหนังได้ ทั้งนี้ความร้อนยังทำให้เกิดโรคฮีทสโตรกได้อีกด้วย มาดูกันว่าอากาศต้องร้อนขนาดไหนถึงจะทำให้เป็นฮีทสโตรกได้ ป้องกันได้ด้วยวิธีไหนบ้าง การดื่มน้ำสำคัญแค่ไหน ช่วยลดความเสี่ยงที่จะเป็นฮีทสโตรกได้จริงไหม? ไปดูกัน!
ทำความรู้จัก โรคฮีทสโตรก คืออะไร?
โรคฮีทสโตรก (Heatstroke) หรือโรคลมแดด คือภาวะที่ร่างกายมีความร้อนสูงกว่าปกติ ซึ่งอาจเกิดจากภาวะขาดน้ำ เสื้อผ้าที่ใส่ระบายความร้อนได้ไม่ดี การดื่มแอลกอฮอล์ การใช้แรงงาน หรือการออกกำลังกายในสภาวะแวดล้อมที่มีอุณหภูมิสูง จนทำให้ร่างกายไม่สามารถระบายความร้อนออกได้อย่างทันท่วงที เพราะปกติอุณหภูมิร่างกายของคนเราจะอยู่ที่ประมาณ 36-37 องศาเซลเซียส แต่ถ้าร่างกายมีอุณหภูมิสูงถึง 40 องศาเซลเซียสหรือสูงกว่านี้ อาจทำให้เสี่ยงเป็นโรคฮีทสโตรกได้
หลายๆ คนอาจคิดว่าภาวะนี้ไม่ได้อันตรายอะไร เพราะอาการของโรคนี้ไม่ต่างจากการเป็นลมปกติเลย แต่จริงๆ แล้ว อาจส่งผลให้อวัยวะภายในร่างกายอย่างระบบประสาท หัวใจ หรือไตทำงานผิดปกติได้ และอาจส่งผลทำให้เสียชีวิตได้ในที่สุด
จะรู้ได้อย่างไรว่าเป็นโรคฮีทสโตรก?
- มีอาการปวดหัว คลื่นไส้ อาเจียน
- เริ่มมีอาการใจสั่น หายใจเร็ว แต่ความดันโลหิตลดลง
- มีอาการกระหายน้ำ
- มีไข้สูงกว่า 40 องศา
- มีเหงื่อออกในระยะแรกๆ แต่ในระยะหลังจะอยู่ในสภาวะไร้เหงื่อ
- ไม่มีแรง เป็นตะคริว
- มีพฤติกรรมสับสน เริ่มเห็นภาพหลอน
- ปัสสาวะสีเข้มผิดปกติ
- เป็นลมหมดสติ
ใครเสี่ยงเป็นโรคฮีทสโตรกได้บ้าง?
- เด็กอายุต่ำกว่า 5 ปี หรือผู้สูงอายุ เพราะไม่สามารถระบายความร้อนจากร่างกายได้ดีเท่าคนในช่วงอายุอื่นๆ
- คนที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคความดัน โรคเบาหวาน โรคหัวใจ เป็นต้น
- คนที่มีภาวะน้ำหนักเกิน
- คนที่พักผ่อนไม่เพียงพอ
- คนที่ทำงานกลางแจ้ง
- คนที่ดื่มแอลกอฮอล์ เพราะแอลกอฮอล์ทำให้ร่างกายสูญเสียน้ำ และเกลือแร่ แถมยังทำให้ความดันโลหิตสูง หัวใจทำงานหนัก ซึ่งนำมาสู่อาการช็อกจนหมดสตินั่นเอง
- พนักงานออฟฟิศ เพราะเมื่อทำงานในห้องแอร์นานๆ แล้วออกมาพบกับความร้อนภายนอก อาจทำให้ร่างกายปรับตัวไม่ทันได้
การปฐมพยาบาลเบื้องต้น หากมีอาการของโรคฮีทสโตรก
- นำผู้ป่วยเข้าที่ร่มที่มีอากาศถ่ายเทสะดวก หลีกเลี่ยงที่ที่มีแดด เพื่อลดอุณหภูมิร่างกาย
- ให้ผู้ป่วยนอนราบไปกับพื้น พร้อมยกเท้าให้สูงทั้งสองข้าง เพื่อให้เลือดไหลเวียนไปยังสมองมากยิ่งขึ้น
- ปลดกระดุมหรือคลายเสื้อผ้าให้หลวม เพื่อช่วยให้ร่างกายระบายความร้อนได้ดีขึ้น
- ใช้ผ้าชุบน้ำเย็นๆ หรือนำน้ำแข็งมาประคบบริเวณตามซอกต่างๆ เช่น รักแร้ คอ ขาหนีบ หน้าผาก และบริเวณลำตัว พร้อมใช้พัดลม เพื่อให้อุณหภูมิร่างกายเย็นลงเร็วขึ้น
- หากอยู่ในสภาวะที่ยังไม่หมดสติ ให้รีบดื่มน้ำสะอาดในปริมาณมาก แล้วนำส่งโรงพยาบาลให้เร็วที่สุด
![](https://www.dailynews.co.th/wp-content/uploads/2024/05/Daily-News-eSpring-ฮีทสโตรค_02_0.jpg)
ป้องกันตัวเองอย่างไร ไม่ให้เป็นโรคฮีทสโตรก?
- ใส่เสื้อผ้าสีอ่อน ไม่คับ และไม่หนาจนเกินไป เพื่อให้ระบายความร้อนได้ดีขึ้น
- สวมแว่นกันแดด หรือหมวกปีกกว้าง
- เลี่ยงออกแดดนานๆ หากไม่จำเป็น ให้งดการทำกิจกรรมกลางแจ้ง
- ทาครีมกันแดดทุกวัน แม้จะไม่ได้ออกจากบ้านก็ตาม โดยควรเลือกใช้ครีมกันแดดที่มีค่า SPF 15 ในวันที่อยู่ในอาคารที่พัก และทากันแดดที่มี SPF 50 ขึ้นไป สำหรับวันที่ต้องอยู่กลางแจ้ง
- เพื่อลดอุณหภูมิและเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับร่างกาย ให้จิบน้ำบ่อยๆ อย่างน้อย 8 แก้วต่อวัน แม้จะไม่กระหายน้ำก็ตาม
- เลี่ยงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ชา กาแฟ หรือเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลสูง
- ออกกำลังกายในพื้นที่ที่อากาศถ่ายเทในช่วงที่อากาศไม่ร้อนมาก อย่างช่วงเช้าหรือช่วงเย็น และควรอบอุ่นร่างกายก่อนออกกำลังกายทุกครั้ง
- ไม่ควรให้เด็ก ผู้สูงอายุ หรือคนที่มีโรคประจำตัวอยู่ในรถที่ปิดสนิทเพียงลำพัง เพราะอุณหภูมิภายในรถนั้นสูงถึง 50 องศาเซลเซียสเลยทีเดียว
จะเห็นได้ว่า โรคฮีทสโตรก หรือโรคลมแดดนั้นอันตรายกว่าที่คิด เพราะอาจทำให้ถึงขั้นเสียชีวิตเลยก็ว่าได้ หากพบใครที่กำลังมีอาการของโรคฮีทสโตรกก็ควรปฐมพยาบาลทันที ก่อนนำส่งโรงพยาบาล เพื่อเลี่ยงความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นได้ อย่างไรก็ตาม การป้องกันจากโรคฮีทสโตรกก็เป็นวิธีที่สำคัญ โดยหลีกเลี่ยงออกแดดเป็นเวลานาน ถือเป็นการป้องกันไว้ดีกว่าแก้
ที่สำคัญคือควรดื่มน้ำอย่างสม่ำเสมอและให้เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย โดยเลือกดื่มน้ำที่สะอาด ปราศจากสิ่งปนเปื้อน ซึ่งจะช่วยให้ร่างกายได้รับความชุ่มชื้น รู้สึกกระปรี้กระเปร่า และได้รับแร่ธาตุที่มีประโยชน์จากน้ำเปล่าคุณภาพอีกด้วย ดังนั้น การเลือกติดตั้งเครื่องกรองน้ำที่มีคุณภาพและมาตรฐานที่ไว้ใจได้ ก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่จะช่วยให้สมาชิกในบ้าน สามารถเข้าถึงน้ำดื่มที่สะอาด และยังสะดวกต่อการใช้งานอีกด้วย
![](https://www.dailynews.co.th/wp-content/uploads/2024/05/Daily-News-eSpring-ฮีทสโตรค_03_0.jpg)
สำหรับใครที่กำลังมองหาเครื่องกรองน้ำคุณภาพดี ได้มาตรฐาน กรองน้ำได้สะอาด แต่ยังเก็บแร่ธาตุเอาไว้ได้ครบ ขอแนะนำ เครื่องกรองน้ำ อีสปริง “eSpring Water Purifier” ตัวเลือกที่ตอบโจทย์สำหรับการดื่มน้ำ เพราะด้วยคุณสมบัติที่มีไส้กรองประสิทธิภาพสูงถึง 3 ชั้น จึงสามารถกรองสิ่งที่มีอนุภาคเล็กมากอย่างไมโครพลาสติก สิ่งปนเปื้อนในน้ำ และฆ่าเชื้อโรคได้ด้วยเทคโนโลยี UV-C LED แถมยังได้รับการรับรองจากมาตรฐาน NSF มาพร้อมแอปพลิเคชันติดตามอายุการใช้งาน และปริมาณการกรองน้ำดื่ม ที่มั่นใจได้ด้วยการรับประกันคุณภาพนานถึง 5 ปี มั่นใจได้เลยว่าทุกสมาชิกในบ้านและคนที่คุณรัก จะมีสุขภาพดีจากการดื่มน้ำสะอาด ห่างไกลจากโรคฮีทสโตรกแน่นอน