เมื่อวันที่ 18 พ.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่ง โพสต์ข้อความระบุว่า “ขายอวัยวะในร่างกายหาเงินใช้หนี้ให้แฟน สนใจทักถามครับ” ภายหลังโพสต์แพร่ออกไป มีสมาชิกมาแสดงความคิดเห็นต่างๆ พร้อมตั้งข้อสังเกตว่า ที่มาโพสต์ในลักษณะนี้ มีจุดประสงค์ใด ขณะเดียวกันคนที่เข้ามาเห็นโพสต์ แสดงความคิดเห็นว่า หากต้องการจะขายอวัยวะจริงๆ มันเป็นเรื่องที่ผิดกฎหมาย ต่อมามีการโพสต์ข้อความอีกว่า “รอชมไลฟ์สดฆ่าตัวตายและเปิดใจครั้งสุดท้าย ช่วงบ่ายแก่” ผู้สื่อข่าวจึงลงพื้นที่ตรวจสอบ พบว่าเจ้าของโพสต์อยู่ในเขตเทศบาลนครสกลนคร อ.เมือง จ.สกลนคร

เมื่อไปถึงพบ นายเอ (นามสมมุติ) อายุ 46 ปี ชาวกรุงเทพมหานคร เล่าให้ฟังทั้งน้ำตาว่า ก่อนหน้านี้ได้คบแฟนสาวคนหนึ่งอยู่ที่ จ.พระนครศรีอยุธยา แต่หญิงสาวเป็นชาวจังหวัดสกลนคร เมื่อก่อนมีอาชีพค้าขายผลไม้ และตนรักแฟนสาวคนนี้มาก เลยตัดสินใจมาสกลนครบ้านเกิดแฟนสาวเพื่อสู่ขอตามประเพณี และเมื่อวันที่ 16 พ.ค. ที่ผ่านมา คือวันกำหนดงาน เรื่องนี้ผิดที่ตนเพราะไม่พร้อมเรื่องค่าใช้จ่าย เป็นเงิน 2 แสนบาท เนื่องจากมีภาระอยู่ จึงทำให้กำหนดงานถูกยกเลิกไป ตนรู้สึกเครียดกับเรื่องที่เกิดขึ้น เพราะทำให้ทางครอบครัวแฟนสาวเสียหน้า จึงไม่รู้จะหาเงินที่ไหน คิดอะไรไม่ออก เลยประกาศโพสต์ขายอวัยวะไปตามที่เห็น และหากถึงทางตันจริงๆอาจฆ่าตัวตาย

ผู้สื่อข่าวจึงแจ้ง นายเอ ว่าการกระทำดังกล่าวนั้นเป็นเรื่องผิดกฎหมาย คงไม่มีใครรับซื้อได้ เพราะคนซื้อก็จะผิดกฎหมายไปด้วย เพราะเกี่ยวข้องกับกฎหมายอาญาหลายข้อ เมื่อพอได้ฟังปัญหาในข้างต้นแล้ว เรื่องที่เกิดขึ้นยังไงก็ไม่ใช่ปัญหาใหญ่โตมากนัก ผู้สื่อข่าวจึงพยายามปลอบประโลม ว่าควรคิดให้รอบคอบ ปัญหาทุกอย่างมีทางออก ไม่ใช่คิดอะไรไปในทางที่ผิดแบบนี้ ให้กลับไปคุยกับครอบครัวฝ่ายหญิงกันว่าจะหาทางออกได้ไหม ในเมื่อตกลงปลงใจรักกันแล้ว เรื่องเงินนั้นมันไม่น่าจะเป็นเรื่องใหญ่โต หรืออยู่ๆ กันไปก่อน พอตั้งหลักหาเงินแล้วค่อยกลับมาจัดงานใหม่ก็ได้ เพราะการจัดการสู่ขอตามประเพณีนั้น ก็เป็นเพียงประเพณีที่ทำสืบทอดต่อกันมาเท่านั้น เป็นการบอกกล่าวให้รับรู้ทั้งสองฝ่ายว่า จะใช้ชีวิตร่วมกันเป็นญาติเป็นพี่น้องกัน เอาเป็นว่าให้หางานหาการทำก่อนเก็บเงินจนพร้อมเมื่อไหร่ค่อยทำก็ได้

ภายหลังผู้สื่อข่าวพูดคุยอธิบายเหตุผลหลายๆ อย่างให้ นายเอ ฟังแล้ว นายเอ มีท่าทีดูผ่อนคลายขึ้น และระหว่างนั้นทางฝ่ายชายและแฟนสาว ก็คุยสายกันเป็นพักๆ เพื่อเกลี้ยกล่อมฝ่ายชายไม่ให้คิดทำอะไรเกินเลย เพราะทุกคนก็ต่างพากันเป็นห่วง จากนั้นเมื่อผู้สื่อข่าวสอบถามว่าจะมีแนวคิดขายอวัยวะหรือไม่ ก็ได้คำตอบแล้วคงไม่ทำแล้ว และอยากขอโอกาสจากผู้ใจดีกับตน เพราะอยากหางานทำอะไรก็ได้ เพื่อตั้งหลักหาเงินสร้างเนื้อสร้างตัวใหม่ หลังจากนั้น แฟนสาวก็ติดตามมารับตัวออกไป ซึ่งน่าจะกลับไปพูดคุยกันกับครอบครัวเพื่อร่วมกันหาทางออกในเรื่องนี้ให้จบด้วยดีที่สุด