เมื่อเวลา 09.45 น. วันที่ 21 พ.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายพิชิต ชื่นบาน รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้ให้สัมภาษณ์ถึงประเด็นที่เป็นข้อสงสัยกับคดีของตนเรื่องเงิน 2 ล้าน ที่ถูกศาลฎีกาตัดสินให้มีความผิดฐานละเมิดอำนาจศาล นายพิชิต กล่าวว่า ตนขอขอบคุณ 40 สว. และขออโหสิกรรม และตนชอบใจมาก เพราะสิ่งที่หลายคนไม่ศึกษาเพราะที่ถูกกระทำในปี 2551 ตนโหยหาความยุติธรรมมาทั้งชีวิต ฉะนั้นการที่ตนมีโอกาสถูกตัดสิทธิในกระบวนการยุติธรรม ในกรณีของตนควรเป็นกรณีศึกษาว่าคนไทยเหมือนกัน แต่ถูกศาลเดียวตัดสินแล้วจบเลย ทั้งที่รัฐธรรมนูญศาลยุติธรรมบัญญัติว่าศาลยุติธรรมมี 3 ชั้นศาล เมื่อนักการเมืองมีปัญหาถูกพิจารณาคดี ยังต่อสู้คดีได้

นายพิชิต กล่าวต่อว่า แต่ตนเป็นทนายความ ได้ว่าความและมีปัญหาในเรื่องหิ้วถุงเงิน 2 ล้าน ศาลตัดสินศาลเดียวจบเลย กรณีนี้คือความขมขื่นที่อยู่ในใจตน ตนจึงไม่ได้โกรธ 40 สว. เลย ต้องขอบคุณด้วยซ้ำ ที่ให้โอกาสตน และมั่นใจว่าหลักยุติธรรมของศาลรัฐธรรมนูญมีจริง ไม่หวั่นไหวเพราะบทบัญญัติของศาลรัฐธรรมนูญผูกพันทุกองค์กร แต่คำวินิจฉัยของศาลฎีกา ไม่ได้ผูกพันศาลรัฐธรรมนูญ หากศาลรัฐธรรมนูญยึดกับนิติธรรม แล้วพิจารณาข้อเท็จจริงในคดีใหม่ จะถือเป็นโอกาสในชีวิตตนที่จะได้ชี้แจงชีวิตของตน หากมีหลักฐานที่บอกว่าตนหิ้วถุงเงิน 2 ล้าน ตนจะลาออกวันนี้เลย ไม่ต้องมารอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย

เมื่อถามต่ออีกว่าทั้งหมดเป็นเกมการเมืองที่จะล้มนายกฯ หรือไม่ นายพิชิต กล่าวว่า แน่นอน เมื่อถามย้ำว่า ถ้านายพิชิตลาออก นายกฯ จะอยู่ได้หรือไม่ นายพิชิต กล่าวว่า เมื่อมีวงจรอุบาทว์ทำอย่างนี้และช่วยกันคิดอะไรแบบนี้ แต่เรามีนายกฯ อยู่แล้ว จะทำให้ไม่มีนายกฯ ทำไม

เมื่อถามเพิ่มเติมว่า นายพิชิตจะมีการลาออกตามกระแสข่าวหรือไม่ นายพิชิต กล่าวว่า ตนขอตั้งคำถามกลับว่า หากตนลาออกแล้วจะมีอะไรเปลี่ยนหรือไม่ ถ้าตนลาออกแล้ว ไม่กระทบต่อนายกฯ ตนจะยินดีที่จะลาออก ส่วนตัวตนรู้ว่ามีกระบวนการบ่อนทำลายรัฐบาล ซึ่งถือว่าเป็นวงจรอุบาทว์ทางการเมือง ส่วนกลุ่ม 40 สว. ที่ยื่นเรื่อง ใครอยู่เบื้องหลังตนรู้หมด พร้อมขอบคุณนายเสรี สุวรรณภานนท์ สว. ที่พูดตามความจริงและเป็นไปตามหลักของกฎหมาย.