Counterpoint บริษัทวิจัยระดับโลกที่เชี่ยวชาญด้านการวิจัยผลิตภัณฑ์เทคโนโลยี ได้เผยผลวิจัย “Monthly Thailand Smartphone Tracker” โดยระบุว่า การจัดส่งสมาร์ตโฟนในตลาดประเทศไทย ในไตรมาสที่ 1 ปี 67 ที่ผ่านมา โดยการจัดส่งสมาร์ตโฟนโดยรวมของไทยลดลง 2% ในไตรมาสที่ 1 ของปี 67 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมีปัจจัยจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจที่ช้า
โดยการจัดส่งสมาร์ตโฟน 5G มีส่วนแบ่งสูงถึง 52% ในไตรมาสที่ 1 ซึ่งถือว่าเกิน 50% เป็นครั้งแรก โดยได้รับแรงหนุนจากการจัดส่งที่เติบโต 19% เมื่อเทียบรายปี และผู้ผลิต นำเสนออุปกรณ์ที่มีคุณสมบัติหลากหลายด้วย
ทั้งนี้ เมื่อเทียบส่วนแบ่งการจัดส่งตลาดสมาร์ตโฟนในประเทศไทย ไตรมาส 1 ปี 67 เทียบกับไตรมาส 1 ปี 66
Apple มีกลยุทธ์การตลาดที่แข็งแกร่ง ประกอบกับการลดราคา iPhone อย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้มีอัตราการเติบโตเป็นเลขสองหลักเมื่อเทียบกับปีก่อน โดยในไตรมาสที่ 1 ปี 67 ความต้องการ iPhone 15 ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่องในประเทศไทย โดยรุ่นดังกล่าวคิดเป็น 31% ของพอร์ตโฟลิโอของ Apple ในไตรมาสที่ 1 ปี 67 หรือเกือบสองเท่าของ iPhone 14 รุ่นก่อน
Xiaomi ซึ่งเลือกใช้แนวทางพอร์ตโฟลิโอที่กว้างขึ้น โดยมีความแข็งแกร่ง ในกลุ่มราคาระดับต่ำ กลาง และระดับสูง อย่างไรก็ตาม กลุ่มราคากลาง (7,000-15,000 บาท) ทาง Xiaom มีความโดดเด่น เนื่องจากการจัดส่งเพิ่มขึ้น 157% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ในช่วงราคาหลังจากเปิดตัวซีรีส์ Redmi Note 13 และ M6 Pro ในขณะเดียวกัน ประเภทระดับล่างก็ได้รับความสนใจอย่างมากด้วย จากรุ่น Redmi 13C
Samsung เป็นผู้นำตลาดสมาร์ตโฟนในไตรมาสที่ 1 ปี 67 ด้วยส่วนแบ่ง 18% แม้ว่ายอดจัดส่งจะลดลง 15% เมื่อเทียบรายปีก็ตาม Samsung ได้สูญเสียส่วนแบ่งที่สำคัญในกลุ่มตลาดล่างเป็นหลัก (ต่ำกว่า 7,000 บาท) เนื่องจากการแข่งขันที่รุนแรงจากแบรนด์จีน โดยทาง Samsung มุ่งเน้นไปที่กลุ่มราคาระดับกลาง (7,000-15,000 บาท) โดยมีการจัดส่งเพิ่มขึ้น 56% เมื่อเที่ยบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยส่วนใหญ่เป็นสมาร์ตโฟนในรุ่น Galaxy A15 5G, Galaxy A25 และ Galaxy A34