เมื่อวันที่ 22 พ.ค. นายกิตติพงศ์ กิตติขจร ผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ(ทสภ.) บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด(มหาชน) หรือ ทอท. เปิดเผยว่า ขณะนี้ในส่วนของ ทสภ. ได้ดำเนินการตามแผนฉุกเฉินของสนามบินในการให้ความช่วยเหลือ และอำนวยความสะดวกผู้โดยสารเสร็จสิ้นแล้ว และปิดแผนฉุกเฉินฯ ตั้งแต่ช่วงดึกของเมื่อคืนวันที่ 21 พ.ค.67 ในช่วงก่อนที่สายการบินสิงคโปร์แอร์ไลน์ ที่ส่งเครื่องบินมารับผู้โดยสารที่ไม่ได้รับบาดเจ็บ จะออกเดินทางกลับไปยังประเทศสิงคโปร์ อย่างไรก็ตามหลังจากนี้จะเป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนอุบัติเหตุของสายการบินสิงคโปร์แอร์ไลน์ และของประเทศไทย ที่จะทำหน้าที่สอบสวนรายละเอียดเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นขณะที่ผู้ได้รับบาดเจ็บที่รักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล ทางสายการบินจะเป็นผู้ดูแล

นายกิตติพงศ์ กล่าวต่อว่า การปฏิบัติภารกิจตามแผนฉุกเฉินฯ ครั้งนี้ เป็นไปด้วยความเรียบร้อยดี ต้องขอบคุณทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่ได้ประสานการทำงานร่วมกันจนภารกิจสำเร็จลุล่วงไปด้วยดี หลังจากนี้จะเชิญประชุมทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อมาสรุปผลของการปฏิบัติงานตามแผนฉุกเฉินในครั้งนี้ร่วมกันว่า ยังมีเรื่องใดที่ต้องปรับปรุง หรือแก้ไขหรือไม่ เพื่อให้การทำงานมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น รองรับเหตุการณ์ที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคตได้ อย่างไรก็ตามในทุกปี ทสภ. จะจัดซ้อมแผนฉุกเฉินและแผนเผชิญเหตุของสนามบินในแต่ละเหตุการณ์ตามมาตรฐานองค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ(ไอเคโอ) และสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย(กพท.) เป็นประจำทุกปี ทำให้เมื่อเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉินขึ้นจริง ทุกหน่วยงานจะทราบหน้าที่ทันทีว่าต้องทำอะไร ส่งผลให้สามารถตอบสนองต่อเหตุการณ์ได้อย่างรวดเร็ว และมีประสิทธิภาพ

“แม้ ทสภ. จะปิดแผนฉุกเฉินฯ แล้ว แต่ ทสภ. ยังคงจัดเจ้าหน้าที่เตรียมพร้อมดูแลช่วยเหลือ และอำนวยความสะดวกให้กับสายการบิน หรือหน่วยงานใดๆ ที่ร้องขอความช่วยเหลือเข้ามา ซึ่งขณะนี้ยังมีผู้โดยสารอีกหลายรายที่ยังรักษาพยาบาลอยู่ โดยผู้โดยสารกลุ่มนี้หากสามารถเดินทางได้แล้ว ทางสายการบินจะเป็นผู้ดูแลประสานให้ผู้โดยสารสามารถเดินทางต่อไปยังจุดหมายปลายทางได้ แต่ในระหว่างที่อยู่ที่สนามบินหากต้องการอุปกรณ์ช่วยเหลือหรือสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ อาทิ วีลแชร์ เป็นต้น ทางเจ้าหน้าที่ของ ทสภ. ก็พร้อมสนับสนุน และจัดเตรียมให้ผู้โดยสารได้” ผอ.ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ กล่าว.