ถือเป็นความเคลื่อนไหวครั้งสำคัญอีกครั้ง ของ “ยักษ์ไอที” ระดับโลกอย่างไมโครซอฟท์

เมื่อ “สัตยา นาเดลลา” ประธานกรรมการบริหาร และ ซีอีโอ ของไมโครซอฟท์บริษัทเทคโนโลยีระดับโลก ได้ประกาศในงานอีเวนต์ของ Microsoft เมื่อช่วงต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา ในรัฐวอชิงตัน สหรัฐอเมริกา

โดยได้มีการเปิดตัว “Copilot+ PC” พีซีวินโดวส์รุ่นใหม่ ที่ทางไมโครซอฟท์ ได้พัฒนาออกแบบมาเพื่อใช้งานกับ AI

ซึ่งการพัฒนาครั้งนี้ของไมโครซอฟท์ครั้งนี้ ทาง “สัตยา นาเดลลา” บอกว่า “เป็นการสร้างคอมพิวเตอร์ที่เข้าใจเราและเราต้องเข้าใจคอมพิวเตอร์ และตนเองรู้สึกว่าเรากำลังเข้าใกล้ความก้าวหน้าที่แท้จริง”

ทั้งนี้ การเปิดตัว “Copilot+ PC” พีซีวินโดวส์รุ่นใหม่ นี้ ว่ากันว่า จะเป็นการเปิดยุคใหม่ของคอมพิวเตอร์พีซี ที่เป็นคอมพิวเตอร์ที่อัดแน่นไปด้วยโปรเซสเซอร์ที่ขับเคลื่อนเครื่องมือ AI ขั้นสูง

โดยทาง ไมโครซอฟท์ คาดหวังว่า พีซีวินโดวส์รุ่นใหม่ และจะมาปลุกตลาด เพิ่มยอดขายให้กับพีซี หลังจากที่ยอดขายของพีซีทั่วโลก หยุดชะงักมานานหลายปี!!

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อมีการคาดการ์ณว่า AI จะกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันของคนเรามากขึ้น ในอนาคตอันใกล้นี้

กลุ่มผลิตภัณฑ์ Copilot+ PC ใหม่ของไมโครซอฟท์ จะประกอบไปด้วย แท็บเล็ต Surface Pro และแล็ปท็อป Surface รุ่นใหม่ มีเครื่องมือ AI ที่ไม่ต้องใช้การเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต การประมวลผล AI เกิดขึ้นบนอุปกรณ์โดยตรง

“ยูซุฟ เมห์ดี” รองประธาน และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ฝ่ายการตลาดผลิตภัณฑ์คอนซูเมอร์ ของ ไมโครซอฟท์ บอกว่า Copilot+ PC เป็นเครื่องพีซี Windows ที่เร็วที่สุด ชาญฉลาดที่สุดเท่าที่เคยมีมาด้วยชิปรุ่นใหม่ที่ทรงพลัง มอบสมรรถนะเต็มพิกัดในระดับ 40+ TOPS (หรือรองรับการประมวลผลกว่า 40 ล้านล้านคำสั่งต่อวินาที) มีแบตเตอรี่ที่ใช้งานได้นานทั้งวัน และสามารถเข้าถึงโมเดล AI ที่ล้ำสมัยที่สุด

โดย Copilot+ PC จะช่วยให้ผู้ใช้งานทำสิ่งที่ไม่สามารถทำได้บนพีซีเครื่องอื่น ไม่ว่าจะเป็นการค้นหาและจดจำทุกสิ่งที่คุณเคยเห็นบนเครื่องของคุณได้อย่างง่ายดายด้วย “Recall” สร้างและปรับแต่งรูปภาพ AI แบบเรียลไทม์ได้โดยตรงบนอุปกรณ์ โดยใช้ “Cocreator” และก้าวข้ามข้อจำกัดด้านภาษาด้วย “Live Captions” ที่สามารถแปลเสียงกว่า 40 ภาษาเป็นภาษาอังกฤษได้ทันที

ความสามารถใหม่ๆ ทั้งหมดนี้ จะอยู่บนดีไวซ์รุ่นใหม่ที่บาง เบา และสวยสะดุดตา ทั้งจากตระกูล Surface ของไมโครซอฟท์เอง และพันธมิตร ของ ไมโครซอฟท์ ที่ถือเป็นผู้ผลิตคอมพิวเตอร์ชั้นน้ำของโลก อย่าง Acer, ASUS, Dell, HP, Lenovo และ Samsung  โดยจะเริ่มวางจำหน่ายตั้งแต่วันที่ 18 มิ.ย. ในราคาเริ่มต้น 999 ดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 36,000 บาท

ผู้บริหารของไมโครซอฟท์ บอกอีกว่า Copilot+ PC รุ่นแรกนี้ เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น โดยตลอดปีที่ผ่านมา เราได้เห็นการสร้างสรรค์นวัตกรรม AI ใหม่ๆ มากมายบนคลาวด์ และ Copilot ช่วยให้เราได้ทำในสิ่งที่ ไม่เคยคิดฝัน ว่าจะเป็นไปได้ ในวันนี้ เราพร้อมแล้วที่จะเปิดประวัติศาสตร์หน้าใหม่ ด้วยนวัตกรรม AI ที่ทำงานบนดีไวซ์ โดยเราได้ออกแบบพีซีรูปแบบใหม่ที่มีความเปลี่ยนแปลงรอบด้าน นับตั้งแต่ชิป ไปจนถึงระบบปฏิบัติการแอปพลิเคชันต่างๆ ไปจนถึงการทำงานร่วมกับคลาวด์ โดยมี AI เป็นศูนย์กลาง จึงนับเป็นความเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญที่สุดของแพลตฟอร์ม Windows ในรอบหลายทศวรรษ

“เราได้พัฒนาสถาปัตยกรรมระบบรูปแบบใหม่ขึ้นมา เพื่อรวมพลังของทั้งชิปประมวลผลหลัก (CPU) ชิปกราฟิก (GPU) และชิปเร่งการประมวลผล AI (Neural Processing Unit หรือ NPU) ประสิทธิภาพสูงรุ่นล่าสุดเข้าด้วยกัน ก่อนจะนำมาเชื่อมต่อและทำงานร่วมกับโมเดลภาษาขนาดใหญ่ (LLM) ที่ทำงานอยู่บนคลาวด์ Azure ผสานกับความสามารถด้านโมเดลภาษาขนาดเล็ก (SLM) ดังนั้น Copilot+ PC จึงมีสมรรถนะที่สูงเป็นประวัติการณ์ โดยในกรณีการใช้งานร่วมกับ AI จะมีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นสูงสุดถึง 20 เท่า และใช้พลังงานน้อยลงกว่า 100 เท่า จึงนับเป็นระบบที่เร่งความเร็วการประมวลผลของ AI ได้สูงสุดในตลาด”

นอกจากนี้ Copilot+ PC ยังมอบประสิทธิภาพที่สูงกว่า Apple MacBook Air รุ่น 15 นิ้ว มากถึง 58% ในการใช้งานแอปพลิเคชันแบบหลายเธรดอย่างต่อเนื่อง โดยที่แบตเตอรี่ยังพร้อมรองรับการใช้งานได้นานตลอดทั้งวัน

โดย Copilot+ PC สามารถเล่นวิดีโอจากในเครื่องได้ต่อเนื่องนานถึง 22 ชั่วโมง และเปิดดูเว็บไซต์ต่างๆ ได้ต่อเนื่องถึง 15 ชั่วโมงต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง ซึ่งเมื่อเทียบกับการเล่นวิดีโอจากในเครื่อง MacBook Air 15 นิ้ว แล้ว นับว่าทำได้นานกว่าถึง 20%

ทั้งหมดนี้ ทำให้ Windows จะเป็นแพลตฟอร์มที่มีแอปที่ดีที่สุด ทำงานอยู่บนชิปที่เร็วที่สุดจาก Qualcomm เราพร้อมมอบแอปที่ทำงานแบบเนทีฟในระบบ Arm64 ได้มากกว่าที่เคย อาทิ Microsoft 365 เวอร์ชั่นที่รวดเร็วที่สุด ไม่ว่าจะเป็น Teams, PowerPoint, Outlook, Word, Excel, OneDrive หรือ OneNote

ขณะที่แอปอื่นๆ อย่าง Chrome, Spotify, Zoom, WhatsApp, Blender, Affinity Suite, DaVinci Resolve และอื่นๆ อีกมาก ก็สามารถทำงานแบบเนทีฟและมอบประสิทธิภาพที่ยอดเยี่ยมบนชิป Arm เช่นกัน โดยยังมีแอปอื่นๆ เช่น Slack ที่จะออกมาเพิ่มเติมอีกในปีนี้

ในส่วนระบบความปลอดภัยนั้น Copilot+ PC ทุกเครื่อง จะมาพร้อมกับความปลอดภัยที่ปกป้องตั้งแต่เปิดเครื่องครั้งแรก โดยชิปเพื่อความปลอดภัยอย่าง Microsoft Pluton จะติดตั้งและเปิดใช้งานมาเป็นค่ามาตรฐานบน Copilot+ PC ทุกรุ่น ขณะที่ Windows 11 ก็จะมีการอัปเดตใหม่ ที่เพิ่มคุณสมบัติและการตั้งค่าแบบมาตรฐานเพิ่มเติม เพื่อช่วยให้การรักษาความปลอดภัยเป็นเรื่องที่ง่ายขึ้น

ทั้งหมดที่ทางไมโครซอฟท์พัฒนาขึ้น ต้องติดามดูว่าจะสามารถปลุกกระแสคอมพิวเตอร์พีซีให้กลับมาตื่นอีกครั้ง และจะเป็น “จุดเปลี่ยน” สู่การปฏิวัติยุคใหม่ของคอมพิวเตอร์หรือไม่!??!

Cyber Daily