เมื่อวันที่ 24 พ.ค. พล.ต.อนุสรณ์ โออุไร รองแม่ทัพภาค 4/รอง ผอ.รมน.ภาค 4 ในฐานะ รองหัวหน้าคณะทำงานแก้ไขปัญหาการบุกรุกที่ดินของรัฐทำลายทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในพื้นที่กองทัพภาคที่ 4 เปิดเผยถึงความคืบหน้ากรณีตรวจสอบการถือครองที่ดิน และการประกอบธุรกิจ ของชาวต่างชาติ บนพื้นที่ อ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี ว่า ชุดตรวจสอบฯ ได้สรุปและเสนอความเห็น กรณีการทำลายทรัพยากรธรรมชาติธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในพื้นที่เกาะสมุยจึงได้มีการรวบรวมพยานหลักฐานเอกสารต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ฐานความผิด และพร้อมที่จะนำเข้าสู่ที่ประชุม กอ.รมน.ภาค 4 โดย พล.ท.ศานติ ศกุนตนาค แม่ทัพภาคที่ 4 ในฐานะ ผอ.รมน.ภาค 4 เป็นประธาน

โดย พล.ต.อนุสรณ์ กล่าวว่า การทำงานของชุดตรวจสอบฯ เรามีประเด็นตรวจสอบตามข้อร้องเรียนของภาคประชาชนในพื้นที่เกาะสมุยที่ระบุว่ามีการบุกรุกทำลายทรัพยากรธรรมชาติธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ถือครองกรรมสิทธิ์ที่ดินบนยอดเขาที่สูงชันโดยกลุ่มทุนจากชาวต่างชาติโดยตัวแทนอำพราง หรือนอมินีชาวไทย ซึ่งผลสรุปการทำงานโดยมีการออกแบบรูปแบบการบูรณาการคณะทำงานในส่วนที่เกี่ยวข้อง กับการบังคับใช้กฎหมาย

จากการตรวจสอบพบว่า กลุ่มนายทุนต่างชาติต้องการทำธุรกิจในประเทศประเทศไทย ประกอบกับมีกลุ่มคนบางกลุ่มที่ต้องการแสวงหาประโยชน์จากการลงทุนเสนอหาแนวทางให้กับนักลงทุนต่างชาติให้หลบเลี่ยงภาษีขั้นตอนต่างๆ เปลี่ยนจากการลงทุนจากธุรกิจต่างด้าวให้เป็นธุรกิจของคนไทย โดยใช้นอมินีไทยนำชื่อมาถือหุ้นลมของบริษัทฯ ในการจัดตั้ง ซึ่งมีสัดส่วน คนไทยร้อยละ 51 ต่างชาติร้อยละ 49 และบริษัทเหล่านี้ มักจะให้กรรมการนิติบุคคล ซึ่งส่วนใหญ่เป็นชาวต่างชาติที่ถือหุ้นส่วนในอัตราร้อยละ 49 เป็นกรรมการผู้มีอำนาจลงนามผูกพันนิติบุคคลแต่เพียงผู้เดียว

หลังจากนั้น ก็จะหาที่ดินเพื่อก่อสร้างรีสอร์ท โรงแรม วิลล่า เพื่อให้นักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาพักค้างแรม จนนำไปสู่การบุกรุกที่ดินของรัฐ นำไปออกเอกสารสิทธิโดยมิชอบให้กับชาวต่างชาติและเมื่อชาวต่างชาติเหล่านั้นได้ครอบครองที่ดินในนามนิติบุคคล ก็นำไปสร้างที่พักนำนักท่องเที่ยวเข้ามา โดยใช้ทรัพยากรของเรา ด้วยวิธีการที่มิชอบ ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมของประชาชนและระบบกฎหมายด้านภาษีในภาพรวมอีกด้วย

“เรายืนยันว่าเราจะทำหน้าที่ตรวจสอบและเป็นหน่วยงานหลักในการบูรณาการให้หน่วยงาน ที่เกี่ยวข้องกับการออกกฏหมายต่างๆ เกี่ยวกับการถือครองที่ดินและการประกอบธุรกิจของชาวต่างชาติให้ใช้กฎหมายอย่างถูกต้องและเด็ดขาด เพื่อให้สามารถแก้ไขปัญหาได้อย่างเป็นรูปธรรม ชะลอ ยับยั้งการทำลายทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม รวมถึงคุ้มครองผลประโยชน์ของชาติ ไม่ให้กลุ่มคนบางกลุ่มเข้าไปหาผลประโยชน์เข้าตัวเองแล้วทำให้ประเทศสูญเสียรายได้” หัวหน้าคณะทำงานแก้ไขปัญหาการบุกรุกที่ดินของรัฐทำลายทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในพื้นที่กองทัพภาคที่ 4 กล่าวในที่สุด.